Customer Reviews

หวัดดีคะ วันนี้เรามีหนังสือมานำเสนอด้วยแหละ เป็นหนังสือแนวศิลปะที่เป็นการวาดรูปด้วยการใช้ปากกาลูกลื่น จริงๆแล้วเราชอบวาดรูปมากนะ โดยฉพาะวาดตามหนังสือการ์ตูนหรือหนังสือนิยาย แต่อุปกรณ์ที่เราใช้วาดจะเป็นแค่ดินสออย่างเดียวเท่านั้น เพราะเราคิดวาสมีนสามารถลบและแก้ไขได้ตลอด หรือจริงๆเราไม่มั่นใจในลายเซ็นและการวาดของเรานี้แหละ เลยใช้แค่ดินสอเท่านั้นในการวาด และเราก็มักจะชอบวาดรูปให้กับเพื่อนหรือคนที่มาจีบเราอยู่เสมอเหมือนกัน แต่นั้นมันสมัยวัยรุ่นอะนะ ฮาๆ พอโตขึ้นเข้าวัยทำงานกเริ่มห่างหากจากการวาดไปเลย จนกระทั้งได้มาเจอหนังสือเรื่องปากกาลูกลื่นพาสนุกเข้า เราเลยคิดอยากจะกลับไปวาดรูปอีกครั้ง ซึ่งเราว่าปากกาลูกลื่นนั้นจะสามารถให้อารมณ์ของตัวการ์ตูนและลายเซ็นได้ดีขึ้น และด้วยสีสันที่มีความหลากหลายมากกว่าการใช้แค่ดินสอสีดำแค่อย่างเดียว เราว่ามันจะทำให้การ์ตูนที่เราวาดนั้นมีชีวิตขึ้นด้วยนะ โดยหนังสือเรื่องปากกาฃูกลื่นพาสนุกนี้จะบอกและอธิบายเทคนิคต่างๆในการวาดรวมไปถึงการระบายสีด้วยปากกาลูกลื่นแบบครบถ้วนและเข้าใจง่าย เราสามารถวาดตามได้ทันทีด้วยละ และต่อไปนี้เราก็จะวาดรูปได้จากจินตนากการและสิ่งรอบตัวเราแล้ว ไม่ใช่แต่การวาดรูปตามหนังสือการตูนหรือหนังสือนิยาเพียงเท่านั้น ซึ่งปากกาลูกลูกนี้โดยปกติเราก็ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว หาได้ไม่ยาก เวลาอยากจะวาดพอรู้เทคนิคจากหนังสือเล่มนี้แล้วก็สามารถวาดเพื่อคลายความเครียดได้อีกด้วย เหมือนเป็นการระบายความในใจอย่างหนึ่งเลยทีเดียวละ โดยหนังสือเล่มนี้ก็ได้อธิบายตั้งแต่ปากกาลูกลื่นแบบต่าง ทั้งที่อยู่ใกล้ตัวเราและหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด และเริ่มสอนกันตั้งแต่การวาดลายเส้นกันเลยทีเดียว และหนังสือเล่มนี้ก็ยังมีภาพประกอบการสอนวาดรูปอย่างละเอียดทุกขั้นตอนตั้งแต่การเริ่มวาดอะไรก่อนไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย และยังแนะนำลายเส้นก่อนการลงมือวาดรูปในแบบต่างๆอีก ซึ่งเล่มนี้เค้าจะให้เราฝึกวาดลายเส้นก่อนที่จะลงมือวาดการ์ตูนออกมาจริงๆ โดยรวมแล้วสนุกมาเลยนะ เราว่านอกจากเราจะวาดเองแล้ว เราว่าเหมาะที่จะให้เด็กได้ฝึกวาดรูปและสร้างจินตนาการด้วยแหละ แต่สิ่งที่ควรจะระวังสำหรับเด็กก็คืนระวังเด็กจะเอาปากกาลูกลื่นเขียนตัวเองและสิ่งต่างๆรอบตัวรวมไปถึงกำแพงบ้านด้วยนี้แหละ ฮาๆ ยังไงก็ลองหามาฝึกกันนะ เพราะรับรองว่พอได้รูปที่สวยแล้วเราจะสนุกมากเลยที่จะวาดรูปต่อๆๆไป ซึ่งเราเองก็อยากจะวาดเก็บไว้เป็นสมุดส่วนตัวไว้ดูด้วยแหละ

หวัดดีคะ วันนี้เรามีหนังสือมานำเสนอด้วยแหละ เป็นหนังสือแนวศิลปะที่เป็นการวาดรูปด้วยการใช้ปากกาลูกลื่น จริงๆแล้วเราชอบวาดรูปมากนะ โดยฉพาะวาดตามหนังสือการ์ตูนหรือหนังสือนิยาย แต่อุปกรณ์ที่เราใช้วาดจะเป็นแค่ดินสออย่างเดียวเท่านั้น เพราะเราคิดวาสมีนสามารถลบและแก้ไขได้ตลอด หรือจริงๆเราไม่มั่นใจในลายเซ็นและการวาดของเรานี้แหละ เลยใช้แค่ดินสอเท่านั้นในการวาด และเราก็มักจะชอบวาดรูปให้กับเพื่อนหรือคนที่มาจีบเราอยู่เสมอเหมือนกัน แต่นั้นมันสมัยวัยรุ่นอะนะ ฮาๆ พอโตขึ้นเข้าวัยทำงานกเริ่มห่างหากจากการวาดไปเลย จนกระทั้งได้มาเจอหนังสือเรื่องปากกาลูกลื่นพาสนุกเข้า เราเลยคิดอยากจะกลับไปวาดรูปอีกครั้ง ซึ่งเราว่าปากกาลูกลื่นนั้นจะสามารถให้อารมณ์ของตัวการ์ตูนและลายเซ็นได้ดีขึ้น และด้วยสีสันที่มีความหลากหลายมากกว่าการใช้แค่ดินสอสีดำแค่อย่างเดียว เราว่ามันจะทำให้การ์ตูนที่เราวาดนั้นมีชีวิตขึ้นด้วยนะ โดยหนังสือเรื่องปากกาฃูกลื่นพาสนุกนี้จะบอกและอธิบายเทคนิคต่างๆในการวาดรวมไปถึงการระบายสีด้วยปากกาลูกลื่นแบบครบถ้วนและเข้าใจง่าย เราสามารถวาดตามได้ทันทีด้วยละ และต่อไปนี้เราก็จะวาดรูปได้จากจินตนากการและสิ่งรอบตัวเราแล้ว ไม่ใช่แต่การวาดรูปตามหนังสือการตูนหรือหนังสือนิยาเพียงเท่านั้น ซึ่งปากกาลูกลูกนี้โดยปกติเราก็ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว หาได้ไม่ยาก เวลาอยากจะวาดพอรู้เทคนิคจากหนังสือเล่มนี้แล้วก็สามารถวาดเพื่อคลายความเครียดได้อีกด้วย เหมือนเป็นการระบายความในใจอย่างหนึ่งเลยทีเดียวละ โดยหนังสือเล่มนี้ก็ได้อธิบายตั้งแต่ปากกาลูกลื่นแบบต่าง ทั้งที่อยู่ใกล้ตัวเราและหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด และเริ่มสอนกันตั้งแต่การวาดลายเส้นกันเลยทีเดียว และหนังสือเล่มนี้ก็ยังมีภาพประกอบการสอนวาดรูปอย่างละเอียดทุกขั้นตอนตั้งแต่การเริ่มวาดอะไรก่อนไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย และยังแนะนำลายเส้นก่อนการลงมือวาดรูปในแบบต่างๆอีก ซึ่งเล่มนี้เค้าจะให้เราฝึกวาดลายเส้นก่อนที่จะลงมือวาดการ์ตูนออกมาจริงๆ โดยรวมแล้วสนุกมาเลยนะ เราว่านอกจากเราจะวาดเองแล้ว เราว่าเหมาะที่จะให้เด็กได้ฝึกวาดรูปและสร้างจินตนาการด้วยแหละ แต่สิ่งที่ควรจะระวังสำหรับเด็กก็คืนระวังเด็กจะเอาปากกาลูกลื่นเขียนตัวเองและสิ่งต่างๆรอบตัวรวมไปถึงกำแพงบ้านด้วยนี้แหละ ฮาๆ ยังไงก็ลองหามาฝึกกันนะ เพราะรับรองว่พอได้รูปที่สวยแล้วเราจะสนุกมากเลยที่จะวาดรูปต่อๆๆไป ซึ่งเราเองก็อยากจะวาดเก็บไว้เป็นสมุดส่วนตัวไว้ดูด้วยแหละ

หวัดดีคะวันนี้ดิฉันจะมาแนะนำหนังสือเรื่อง100 สุดยอดอาหารกระตุ้นพลังงานภูมิคุ้มกัน เราว่าสังคมสมัยนี้เราอยู่กับมลพิษ สารพิษ รวมถึงเชื้อโรคต่างๆรายล้อมรอบตัวเราเต็มไปหมด และการที่เราจะทำการแก้ไขหรือป้องกันกันตั้งแต่แรกเริ่มย้อมได้ผลที่ดีกว่าการรักษาหรือแก้ไขกันที่ปลายเหตุ และสิ่งแรกที่เราควรจะเริ่มตนดูแลคือสุขภาพของเรา สิ่งที่ดีกว่าการกินยารักษาหรือกินยาป้องกันการเกิดโรคต่างๆ คือการกินอาหารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งการที่เรามีภูมิคุ้มกันที่ดีนั้น การเกิดโรคก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่น้อยลงไปด้วย โดยเฉพาะที่คนมีโรคประจำตัว เด็กเล็กและผู้สูงวัย และผู้ใหญ่ที่เป็นวัยทำงานก็เช่นเดียวกัน เพราะเราก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่สุดในการได้สัมผัสกับเชื้อโรค หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมเมนูที่จะมากระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเราให้แข็งแรงมากขึ้น และแต่ละเมนูก็ทำง่ายไม่ยากแถมอร่อยถูกหลักอนามัย รวมทั้งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากด้วย หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายข้อมูลทั่วไปของอาหารแต่ละชนิดด้วย ซึ่งไม่ใช่จะบอกแค่วัตถุดิบและขั้นตอนการทำแล้วเท่านั้น และหนังสือเล่มนี้ยังชี้ให้เห็นถึงสรรพคุณต่างๆของแต่ละวัตถุดิบ แต่ละเมนู รวมไปถึงข้อมูลสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายอกด้วย รวมไปถึงเค้ายังบอกข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงทำให้เราทึ่งไปเลยเหมือนกัน และแต่ละเมนูก็เป็นเมนูที่ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากและดีต่อสุขภาพมากด้วย และแต่ละเมนูเค้าก็จะมีสัญญาลักบอกด้วยนะว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง ก็จะมีอาหารต่อต้านอาการแพ้ อาหารต่อต้านแบคทีเรีย อาหารต่อต้านมะเร็ง อาหารต่อต้านไวรัส อาหารต่อต้านการอักเสบ อาหารต่อต้านอนุมูลอิสระ อาหารต่อต้านฆ่าเชื้อ อาหารล้างพิษ อาหารที่ต่อหัวใจ และอาหารก็จะแบ่งออกเป็นหัวข้อต่างๆ ได้แก่พืชหัว ผลไม้ที่รับประทานเป็นผัก ผักใบเขียว ผลไม้รสหวาน ผลไม้รสเปรี้ยว เบอร์รี่ ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพันธุ์พืช น้ำมัน เม็ดพืชจำพวกข้าวและถั่ว สัตว์ปีกและสัตว์สำหรับล่า ปลาอาหารทะเลและผลิตภัณฑ์จากนม สมุนไพรและเครื่องเทศ รวมไปถึงหัวข้อเรื่องสารบัญโรคและการบำบัด ซึ่งหัวขอนี้จะบอกถึงโรคที่ใกล้ตัวเราและเป็นกันได้ทั่วไป พร้อมทั้งวีการบำบัดรักษาด้วย เช่น สิว โรคนี้สำคัญกับทุกคนโดยเฉพาะวันรุ่นมากๆ โรคหอบหืด โรคนี้แฟนเราเป็น และต้องพ้นยาแก้หอบบ่อยๆ พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็เอาไปบอกให้แฟนลองปฏิบัติตามดู แล้วแฟนเราก็อาการดีขึ้นนะ พ้นยาน้อยลง หายใจดีขึ้น นออกจากนี้ยังมีอีกหลายโรค เช่นโรคหวังที่ช่วงนี้อาการเข้าหน้าฝนค่อนข้างเปลี่ยนแปลงบ่อย เล่มนี้ก็ช่วยได้

หวัดดีคะวันนี้ดิฉันจะมาแนะนำหนังสือเรื่อง100 สุดยอดอาหารกระตุ้นพลังงานภูมิคุ้มกัน เราว่าสังคมสมัยนี้เราอยู่กับมลพิษ สารพิษ รวมถึงเชื้อโรคต่างๆรายล้อมรอบตัวเราเต็มไปหมด และการที่เราจะทำการแก้ไขหรือป้องกันกันตั้งแต่แรกเริ่มย้อมได้ผลที่ดีกว่าการรักษาหรือแก้ไขกันที่ปลายเหตุ และสิ่งแรกที่เราควรจะเริ่มตนดูแลคือสุขภาพของเรา สิ่งที่ดีกว่าการกินยารักษาหรือกินยาป้องกันการเกิดโรคต่างๆ คือการกินอาหารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งการที่เรามีภูมิคุ้มกันที่ดีนั้น การเกิดโรคก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่น้อยลงไปด้วย โดยเฉพาะที่คนมีโรคประจำตัว เด็กเล็กและผู้สูงวัย และผู้ใหญ่ที่เป็นวัยทำงานก็เช่นเดียวกัน เพราะเราก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่สุดในการได้สัมผัสกับเชื้อโรค หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมเมนูที่จะมากระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเราให้แข็งแรงมากขึ้น และแต่ละเมนูก็ทำง่ายไม่ยากแถมอร่อยถูกหลักอนามัย รวมทั้งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากด้วย หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายข้อมูลทั่วไปของอาหารแต่ละชนิดด้วย ซึ่งไม่ใช่จะบอกแค่วัตถุดิบและขั้นตอนการทำแล้วเท่านั้น และหนังสือเล่มนี้ยังชี้ให้เห็นถึงสรรพคุณต่างๆของแต่ละวัตถุดิบ แต่ละเมนู รวมไปถึงข้อมูลสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายอกด้วย รวมไปถึงเค้ายังบอกข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงทำให้เราทึ่งไปเลยเหมือนกัน และแต่ละเมนูก็เป็นเมนูที่ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากและดีต่อสุขภาพมากด้วย และแต่ละเมนูเค้าก็จะมีสัญญาลักบอกด้วยนะว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง ก็จะมีอาหารต่อต้านอาการแพ้ อาหารต่อต้านแบคทีเรีย อาหารต่อต้านมะเร็ง อาหารต่อต้านไวรัส อาหารต่อต้านการอักเสบ อาหารต่อต้านอนุมูลอิสระ อาหารต่อต้านฆ่าเชื้อ อาหารล้างพิษ อาหารที่ต่อหัวใจ และอาหารก็จะแบ่งออกเป็นหัวข้อต่างๆ ได้แก่พืชหัว ผลไม้ที่รับประทานเป็นผัก ผักใบเขียว ผลไม้รสหวาน ผลไม้รสเปรี้ยว เบอร์รี่ ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพันธุ์พืช น้ำมัน เม็ดพืชจำพวกข้าวและถั่ว สัตว์ปีกและสัตว์สำหรับล่า ปลาอาหารทะเลและผลิตภัณฑ์จากนม สมุนไพรและเครื่องเทศ รวมไปถึงหัวข้อเรื่องสารบัญโรคและการบำบัด ซึ่งหัวขอนี้จะบอกถึงโรคที่ใกล้ตัวเราและเป็นกันได้ทั่วไป พร้อมทั้งวีการบำบัดรักษาด้วย เช่น สิว โรคนี้สำคัญกับทุกคนโดยเฉพาะวันรุ่นมากๆ โรคหอบหืด โรคนี้แฟนเราเป็น และต้องพ้นยาแก้หอบบ่อยๆ พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็เอาไปบอกให้แฟนลองปฏิบัติตามดู แล้วแฟนเราก็อาการดีขึ้นนะ พ้นยาน้อยลง หายใจดีขึ้น นออกจากนี้ยังมีอีกหลายโรค เช่นโรคหวังที่ช่วงนี้อาการเข้าหน้าฝนค่อนข้างเปลี่ยนแปลงบ่อย เล่มนี้ก็ช่วยได้

หวัดดีคะวันนี้เรามีหนังสือเรื่องหนึ่งที่เราจะมาแนะนำทุกๆคนกัน โดยเฉพาะคนวัยทำงานอย่างเรา นั้นก็คือหนังสือเรื่อง10 โรค 10 ภัยพาล วัยทำงานควรระวัง หนังสือเล่มนี้เราว่าเป็นหนังสือที่ดีมากเลยที่เดียว โดยเฉพาะคำที่ทำงานบริษัทอย่างเรานี้แหละ ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในคนทำงานเช่นกัน รวมถึงคนใกล้ตัวเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือพี่เรา ตอนนี้ทุกคนก็ยังคงเป็นคนวัยทำงานและเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพเพราะร่างกายค่อนข้างใช้งานหนักพอสมควรจากการทำงาน หนังสือเรื่องสิบโรคสิบภัยพาลวัยทำงานนี้ได้พาเราไปรู้จักกับโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในคนวัยทำงานอย่างเราถึงสิบโรคด้วยกัน ซึ่งแค่โรคเดียวเราว่ามันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับตัวเราและนะ เพราะเราคิดว่าการไม่มีโรคนั้นเป็นลาภอันประเสริฐที่สุดเลยยิ่งกว่าการมีเงินมากมายด้วยซ้ำ (แต่เงินก็สำคัญไม่แพ้กัน รวมถึงการไม่มีหนี้ก็เป็นลาภอันประเสริฐอีกข้อหนึ่งนะ ฮาๆ) และโรคทุกโรคที่หนังสือเล่มนี้ได้รวมรวบไว้ก็ล้วนแต่เป็นโรคที่ใกล้ตัวเราทั้งนั้นเลย อาทิเช่นโรค หนึ่งคือโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคนี้เราเสี่ยงที่จะเป็นมากเพราะเรามักจะทำงานจนลืมเข้าห้องน้ำเป็นประจำ พอได้อ่านแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเลยและ โรคที่สองก็คือโรคเส้นเลือดขอด โรคนี้เราเห็นบ่อยเพราะว่าสาวออฟฟิตที่ชอบใส่ส้นสูง รวมไปถึงการทำงานที่ต้องยืนเป็นระยะเวลานานนี้แหละเสี่ยงที่สุดเลย แล้วยิ่งถ้าได้เป็นแล้วนะเราว่ามันค่อนข้างที่จะน่าเกลียดมากเลยละ และก็รักษายากซะด้วยนะ ส่วนโรคที่สามก็ได้แก่โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน อันนี้เราเคยเห็นเพื่อนเราเป็นด้วยแหละ มันจะปวดและทรมานมาก และก็รักษายากมากๆด้วย และมีโอกาสไม่ได้ยินอีกเลยด้วยนะ โรคที่สี่ก็โรคปวดหลัง อันนี้เราเป็นทุกวัน โรคนี้มักจะเกิดกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมรวมไปถึงงานที่ยืนนานๆและยกของใช้แรง และเป็นโรคที่เป็นได้ทุกวันด้วยและ โรคที่ห้าก็หมอนรองกระดูกเคลื่อน โรคนี้ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ส่วนโรคที่หกก๊าซในระบบทางเดินอาหาร อันนี้เราเคยเป็นแล้วเวลาเป็นนี้ทรมานมาก เป็นต้น ซึ่งแต่ละโรคหนังสือเล่มนี้ก็จะบอกกันตั้งแต่สาเหตุที่เดจากการทำงานอย่างไร อาการ และวิธีการดูแลรักษา พร้อมกับภาพประกอบโรคนั้นๆด้วย นอกจากนี้ยังบอกถึงการใช้คอมพิวเตอร์ให้ถูกวิธีและห่างไกลจากโรคด้วยนะ คำที่ใช่ก้อ่านเข้าใจง่ายและก็อธิบายได้ดีด้วยและ

หวัดดีคะวันนี้เรามีหนังสือเรื่องหนึ่งที่เราจะมาแนะนำทุกๆคนกัน โดยเฉพาะคนวัยทำงานอย่างเรา นั้นก็คือหนังสือเรื่อง10 โรค 10 ภัยพาล วัยทำงานควรระวัง หนังสือเล่มนี้เราว่าเป็นหนังสือที่ดีมากเลยที่เดียว โดยเฉพาะคำที่ทำงานบริษัทอย่างเรานี้แหละ ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในคนทำงานเช่นกัน รวมถึงคนใกล้ตัวเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือพี่เรา ตอนนี้ทุกคนก็ยังคงเป็นคนวัยทำงานและเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพเพราะร่างกายค่อนข้างใช้งานหนักพอสมควรจากการทำงาน หนังสือเรื่องสิบโรคสิบภัยพาลวัยทำงานนี้ได้พาเราไปรู้จักกับโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในคนวัยทำงานอย่างเราถึงสิบโรคด้วยกัน ซึ่งแค่โรคเดียวเราว่ามันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับตัวเราและนะ เพราะเราคิดว่าการไม่มีโรคนั้นเป็นลาภอันประเสริฐที่สุดเลยยิ่งกว่าการมีเงินมากมายด้วยซ้ำ (แต่เงินก็สำคัญไม่แพ้กัน รวมถึงการไม่มีหนี้ก็เป็นลาภอันประเสริฐอีกข้อหนึ่งนะ ฮาๆ) และโรคทุกโรคที่หนังสือเล่มนี้ได้รวมรวบไว้ก็ล้วนแต่เป็นโรคที่ใกล้ตัวเราทั้งนั้นเลย อาทิเช่นโรค หนึ่งคือโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคนี้เราเสี่ยงที่จะเป็นมากเพราะเรามักจะทำงานจนลืมเข้าห้องน้ำเป็นประจำ พอได้อ่านแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเลยและ โรคที่สองก็คือโรคเส้นเลือดขอด โรคนี้เราเห็นบ่อยเพราะว่าสาวออฟฟิตที่ชอบใส่ส้นสูง รวมไปถึงการทำงานที่ต้องยืนเป็นระยะเวลานานนี้แหละเสี่ยงที่สุดเลย แล้วยิ่งถ้าได้เป็นแล้วนะเราว่ามันค่อนข้างที่จะน่าเกลียดมากเลยละ และก็รักษายากซะด้วยนะ ส่วนโรคที่สามก็ได้แก่โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน อันนี้เราเคยเห็นเพื่อนเราเป็นด้วยแหละ มันจะปวดและทรมานมาก และก็รักษายากมากๆด้วย และมีโอกาสไม่ได้ยินอีกเลยด้วยนะ โรคที่สี่ก็โรคปวดหลัง อันนี้เราเป็นทุกวัน โรคนี้มักจะเกิดกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมรวมไปถึงงานที่ยืนนานๆและยกของใช้แรง และเป็นโรคที่เป็นได้ทุกวันด้วยและ โรคที่ห้าก็หมอนรองกระดูกเคลื่อน โรคนี้ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ส่วนโรคที่หกก๊าซในระบบทางเดินอาหาร อันนี้เราเคยเป็นแล้วเวลาเป็นนี้ทรมานมาก เป็นต้น ซึ่งแต่ละโรคหนังสือเล่มนี้ก็จะบอกกันตั้งแต่สาเหตุที่เดจากการทำงานอย่างไร อาการ และวิธีการดูแลรักษา พร้อมกับภาพประกอบโรคนั้นๆด้วย นอกจากนี้ยังบอกถึงการใช้คอมพิวเตอร์ให้ถูกวิธีและห่างไกลจากโรคด้วยนะ คำที่ใช่ก้อ่านเข้าใจง่ายและก็อธิบายได้ดีด้วยและ

เรื่องรักร้อนหลอมหัวใจชีคเล่มนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของสำนักพิมพ์นกฮูกที่เราได้มีโอกาสอ่านเลยละ เราได้นิยายเรื่องรักร้อนหลอมหัวใจชีคนี้เราบังเอิญได้มาจากลูกเจ้านายแม่เราเอง พอดีเค้าจะเอามาทิ้งเลยได้มาอ่านฟรีๆไป เป็นหนังสือเล่มค่อนข้างใหม่เลยแหละ หนังสือเรื่องนี้เป็นแนวหนังสือที่ค่อนข้างติดเรทมากๆ เราคิดว่าเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดอ่านไม่ควรอ่าน เพราะว่าผู้แต่งนิยายหรือคุณฟาริดาค่อนข้างแต่งนิยายออกมาได้ดีเลยละ ก็ผู้แต่งเค้าเล่นเก็บรายละเอียดได้ถี่ยิบเลยทีเดี๋ยวและ เหมือนกับว่าเราได้เปิดหนังเรื่องดูเลย เพราะเราอ่านแล้วก็พอจะจินตนาการออกอยู่บ้าง และนอกจากจะเป็นแนวที่ติดเรทแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหาที่เป็นแนวทะเลทรายชีคๆ และก็เกี่ยวกับพระราชา ราชวงศ์ เท่ากับว่าหนังสือเล่มนี้เป็นแนวที่เราถูกใจพอสมควร แต่พอได้อ่านเนื้อหาแล้วเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ถึงกับสนุกมากสักเท่าไร กับที่เราได้หวังไว้ เพราะเห็นว่าองค์ประกอบเนื้อเรื่องของเรื่องรักร้อนหลอมหัวใจชีคนี้เป็นแนวที่เราชอบพอสมควร แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลยทีเดียว การบรรยายเนื้อเรื่องของเล่มนี้ก็เป็นแบบทางการ มีราชาศัทท์บ้าง เพราะพระเอกของเราเป็นถึงเจ้าชาย ติดไม่ชอบอยู่อย่างคือพระเอกและเชื้อพระวงศ์ใช้สรรพนาแทนตัวเองว่าข้าน้แหละ เราว่าน่าจะใช้แทนสรรพนามแทนตัวเองว่าเราจะน่าอ่านกว่าอ่ะ ใช้คำว่าข้าแล้วมันดูแปลกๆไม่น่าอ่านด้วยและ เนื้อหาส่วนใหญ่เกือบทั้งเล่มนี้ก็จะมีแต่การบรรยายซะมากกว่า เนื้อเรื่องก็ประมาณว่าพระเอกของเราหรือเจ้าชาย มุญาฮิด เจ้าชายแห่งราชอาณาจักรเอลโลร่า ต้องการรับอุปการะเด็กกำพร้าทั้งสามคนในหมู่บ้าน ที่นางเอกของเราหรือวีรยา ซึ่งนางเอกของเรานี้ได้เดินทางมาจากไทยเพื่อมาทำงานเป็นอาสาสมัครและเพื่อหาประสบการณ์ ที่สำคัญก็คือเธอเองก็เป็นผู้ดูแลเด็กทั้งสามคนอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าชายมุญาฮิดนั้นก็เลยได้ตั้งเงื่อนไขไว้ขอนึงในการรับเด็กทั้งสามคนคือต้องให้นางเอกมาช่วยดูแลเด็กๆด้วย และก็ให้เด็กทั้งสามคนพร้อมทั้งนางเอกที่เป้นผู้ดูแลเข้ามาอยู่ในวังก้วยกันทั้งหมด และด้วยความใกล้ชิดกันจนทำให้ความรักค่อยๆก่อตัวขึ้น เจ้าชายเลยต้องการนางเอกให้มาแต่งงานด้วยและอยู่กับเขาในฐานะเจ้าหญิง เจ้าชายของเราจะทำได้หรือป่าว อันนี้เราก็รู้ๆกันอยู่อะเนอะ55 แต่คำบรรยายบ้างตอนและคำสนทนาบางประโยคบางทีเราว่างงๆไปนิดนะ อยากให้ปรับปรุงตรงนี้ และโอกาสหน้าจะลองหาหนังสือของนกฮูกมาอ่านใหม่

เรื่องรักร้อนหลอมหัวใจชีคเล่มนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของสำนักพิมพ์นกฮูกที่เราได้มีโอกาสอ่านเลยละ เราได้นิยายเรื่องรักร้อนหลอมหัวใจชีคนี้เราบังเอิญได้มาจากลูกเจ้านายแม่เราเอง พอดีเค้าจะเอามาทิ้งเลยได้มาอ่านฟรีๆไป เป็นหนังสือเล่มค่อนข้างใหม่เลยแหละ หนังสือเรื่องนี้เป็นแนวหนังสือที่ค่อนข้างติดเรทมากๆ เราคิดว่าเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดอ่านไม่ควรอ่าน เพราะว่าผู้แต่งนิยายหรือคุณฟาริดาค่อนข้างแต่งนิยายออกมาได้ดีเลยละ ก็ผู้แต่งเค้าเล่นเก็บรายละเอียดได้ถี่ยิบเลยทีเดี๋ยวและ เหมือนกับว่าเราได้เปิดหนังเรื่องดูเลย เพราะเราอ่านแล้วก็พอจะจินตนาการออกอยู่บ้าง และนอกจากจะเป็นแนวที่ติดเรทแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหาที่เป็นแนวทะเลทรายชีคๆ และก็เกี่ยวกับพระราชา ราชวงศ์ เท่ากับว่าหนังสือเล่มนี้เป็นแนวที่เราถูกใจพอสมควร แต่พอได้อ่านเนื้อหาแล้วเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ถึงกับสนุกมากสักเท่าไร กับที่เราได้หวังไว้ เพราะเห็นว่าองค์ประกอบเนื้อเรื่องของเรื่องรักร้อนหลอมหัวใจชีคนี้เป็นแนวที่เราชอบพอสมควร แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลยทีเดียว การบรรยายเนื้อเรื่องของเล่มนี้ก็เป็นแบบทางการ มีราชาศัทท์บ้าง เพราะพระเอกของเราเป็นถึงเจ้าชาย ติดไม่ชอบอยู่อย่างคือพระเอกและเชื้อพระวงศ์ใช้สรรพนาแทนตัวเองว่าข้าน้แหละ เราว่าน่าจะใช้แทนสรรพนามแทนตัวเองว่าเราจะน่าอ่านกว่าอ่ะ ใช้คำว่าข้าแล้วมันดูแปลกๆไม่น่าอ่านด้วยและ เนื้อหาส่วนใหญ่เกือบทั้งเล่มนี้ก็จะมีแต่การบรรยายซะมากกว่า เนื้อเรื่องก็ประมาณว่าพระเอกของเราหรือเจ้าชาย มุญาฮิด เจ้าชายแห่งราชอาณาจักรเอลโลร่า ต้องการรับอุปการะเด็กกำพร้าทั้งสามคนในหมู่บ้าน ที่นางเอกของเราหรือวีรยา ซึ่งนางเอกของเรานี้ได้เดินทางมาจากไทยเพื่อมาทำงานเป็นอาสาสมัครและเพื่อหาประสบการณ์ ที่สำคัญก็คือเธอเองก็เป็นผู้ดูแลเด็กทั้งสามคนอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าชายมุญาฮิดนั้นก็เลยได้ตั้งเงื่อนไขไว้ขอนึงในการรับเด็กทั้งสามคนคือต้องให้นางเอกมาช่วยดูแลเด็กๆด้วย และก็ให้เด็กทั้งสามคนพร้อมทั้งนางเอกที่เป้นผู้ดูแลเข้ามาอยู่ในวังก้วยกันทั้งหมด และด้วยความใกล้ชิดกันจนทำให้ความรักค่อยๆก่อตัวขึ้น เจ้าชายเลยต้องการนางเอกให้มาแต่งงานด้วยและอยู่กับเขาในฐานะเจ้าหญิง เจ้าชายของเราจะทำได้หรือป่าว อันนี้เราก็รู้ๆกันอยู่อะเนอะ55 แต่คำบรรยายบ้างตอนและคำสนทนาบางประโยคบางทีเราว่างงๆไปนิดนะ อยากให้ปรับปรุงตรงนี้ และโอกาสหน้าจะลองหาหนังสือของนกฮูกมาอ่านใหม่

สำหรับเราอาหารเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะ และตอนเช้านี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เร่งรีบที่สุดเลย กว่าจะตื่นกว่าจะทำธุระส่วนตัว ก็ใช้เวลามากพอสมควร แล้วยิ่งถ้าต้องมานั่งทำอาหารทานตอนเช้าหรือต้องกินอาหารตอนเช้ายิ่งเสียเวลาเข้าไปอีก เราเลยคิดว่าการที่เราจะทำแซนวิชไว้กินตอนเช้าระหว่างเดินทางน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนเมืองกรุงอย่างเราเลยแหละ และการที่เราต้องมานั่งเปิดอินเตอร์เน็ตหาสูตรก็ไม่ถูกใจเราอีก เราเลยไปซื้อหนังสือเรื่องsandwichมาเปิดเป็นตำราไว้ทำ สูตรเค้าก็เยอะมากนะ แค่หน้าปกก็น่ากินมากแล้วและก็ดูดีมีราคาด้วย และเราว่าจริงๆเราสามารถทำขายได้เลยละ แถมการกินแซนวิชตอนเช้าเราว่าสารอาหารยังครบ5หมู่มากที่สุดอีก เพราะมีทั้งผักทั้งแป้งและเนื้อสัตว์ ครบถ้วนนะ เปิดหนังสือมาช่วงแรกๆเค้าจะมีแนะนำวัตถุดิบในการทำขนมปังแซนวิช ซึ่งก็มีค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแป้งขนมปัง แป้งโฮสวีท ไขมัน เค้าก็เริ่มต้นอธิบายไว้ได้อย่างละเอียดพอสมควร ส่วนแซนวิชเค้ามีหลายสูตรมากมายหลากหลายอยู่ แล้วก็มีสูตรแปลกๆที่เราว่าในเน็ตก็ไม่น่าจะมีนะ อาทิเช่น แซนวิชกิมจิเบคอน เมนูนี้เราชอบเป็นพิเศษ เพราะด้วยความที่กิมจิมีรสชาติเปรี้ยวๆก็เหมือนเราใส่น้ำสลัด เราลองทำแล้วก็อร่อยและแปลกนะ เราก็ชอบอยู่ และพอดีเราซื้อกิมจิปลาหมึกสดมาจากเกาหลีเลยเอามาดัดแปลงใส่แทนกิมจิตามสูตรก็อร่อยดีนะ ใช้ได้เลย รสชาติก็จะมีรสเปรี้ยวๆของกิมจิ และก็มีหวานๆของขนมปัง ถือว่าอร่อยโอเคเลย นอกจากนี้ก็มีสูตรแซนวิชเทมปุระ อันนี้เราชอบเอากุ้งมาทำเทมปุระใส่แซนวิชแหละ และก็ยังมีแซนวิชซาลามี อันนี้แค่ชื่อก็แปลกมากแล้ว และก็ยังมีแซนวิชเนื้อย่างพริกไทยดำ ส่วนตัวเราไม่กินเนื้อก็ดัดแปลงเป็นไก่พริกไทยดำแหละ ก็อร่อยนะ เหมือนเรากินสเต็กกับขนมปัง แล้วก็มีผัก แต่นี้เรากัดเข้าไปคำเดี๋ยวได้ทุกรสชาติเลยแหละ และก็แซนวิบาร์บีคิว เมนูนี้เราก็ชอบมากอีกเหมือนกัน เผ็ดรสชาติขิงบาร์บีคิวนิดๆ อร่อยใช่ได้ และที่ชอบไม่แพ้กันก็แซนวิชปลากะพงซอสขาวแหละ อันนี้เราว่าเป็นแซนวิชที่แปลกที่สุดเท่าที่เราเคยได้ยินมาแหละ แต่อันนี้ค่อนข้างที่จะทำยุ่งยากหน่อย โดยรวมแล้ว เมนูของแซนวิชในหนังสือเล่มนี้ เราว่าเอามาทำเป็นอาชีพได้เลยแหละ สามารถขายแบบมีราคาหน่อยเพราะความแปลกของวัตถุดิบแต่ละอย่างและเมนูแต่ละเมนู เราว่าอีกหน่อยถ้าทำชำนาญจะลองคิดที่จะทำขายบ้าง

สำหรับเราอาหารเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะ และตอนเช้านี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เร่งรีบที่สุดเลย กว่าจะตื่นกว่าจะทำธุระส่วนตัว ก็ใช้เวลามากพอสมควร แล้วยิ่งถ้าต้องมานั่งทำอาหารทานตอนเช้าหรือต้องกินอาหารตอนเช้ายิ่งเสียเวลาเข้าไปอีก เราเลยคิดว่าการที่เราจะทำแซนวิชไว้กินตอนเช้าระหว่างเดินทางน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนเมืองกรุงอย่างเราเลยแหละ และการที่เราต้องมานั่งเปิดอินเตอร์เน็ตหาสูตรก็ไม่ถูกใจเราอีก เราเลยไปซื้อหนังสือเรื่องsandwichมาเปิดเป็นตำราไว้ทำ สูตรเค้าก็เยอะมากนะ แค่หน้าปกก็น่ากินมากแล้วและก็ดูดีมีราคาด้วย และเราว่าจริงๆเราสามารถทำขายได้เลยละ แถมการกินแซนวิชตอนเช้าเราว่าสารอาหารยังครบ5หมู่มากที่สุดอีก เพราะมีทั้งผักทั้งแป้งและเนื้อสัตว์ ครบถ้วนนะ เปิดหนังสือมาช่วงแรกๆเค้าจะมีแนะนำวัตถุดิบในการทำขนมปังแซนวิช ซึ่งก็มีค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแป้งขนมปัง แป้งโฮสวีท ไขมัน เค้าก็เริ่มต้นอธิบายไว้ได้อย่างละเอียดพอสมควร ส่วนแซนวิชเค้ามีหลายสูตรมากมายหลากหลายอยู่ แล้วก็มีสูตรแปลกๆที่เราว่าในเน็ตก็ไม่น่าจะมีนะ อาทิเช่น แซนวิชกิมจิเบคอน เมนูนี้เราชอบเป็นพิเศษ เพราะด้วยความที่กิมจิมีรสชาติเปรี้ยวๆก็เหมือนเราใส่น้ำสลัด เราลองทำแล้วก็อร่อยและแปลกนะ เราก็ชอบอยู่ และพอดีเราซื้อกิมจิปลาหมึกสดมาจากเกาหลีเลยเอามาดัดแปลงใส่แทนกิมจิตามสูตรก็อร่อยดีนะ ใช้ได้เลย รสชาติก็จะมีรสเปรี้ยวๆของกิมจิ และก็มีหวานๆของขนมปัง ถือว่าอร่อยโอเคเลย นอกจากนี้ก็มีสูตรแซนวิชเทมปุระ อันนี้เราชอบเอากุ้งมาทำเทมปุระใส่แซนวิชแหละ และก็ยังมีแซนวิชซาลามี อันนี้แค่ชื่อก็แปลกมากแล้ว และก็ยังมีแซนวิชเนื้อย่างพริกไทยดำ ส่วนตัวเราไม่กินเนื้อก็ดัดแปลงเป็นไก่พริกไทยดำแหละ ก็อร่อยนะ เหมือนเรากินสเต็กกับขนมปัง แล้วก็มีผัก แต่นี้เรากัดเข้าไปคำเดี๋ยวได้ทุกรสชาติเลยแหละ และก็แซนวิบาร์บีคิว เมนูนี้เราก็ชอบมากอีกเหมือนกัน เผ็ดรสชาติขิงบาร์บีคิวนิดๆ อร่อยใช่ได้ และที่ชอบไม่แพ้กันก็แซนวิชปลากะพงซอสขาวแหละ อันนี้เราว่าเป็นแซนวิชที่แปลกที่สุดเท่าที่เราเคยได้ยินมาแหละ แต่อันนี้ค่อนข้างที่จะทำยุ่งยากหน่อย โดยรวมแล้ว เมนูของแซนวิชในหนังสือเล่มนี้ เราว่าเอามาทำเป็นอาชีพได้เลยแหละ สามารถขายแบบมีราคาหน่อยเพราะความแปลกของวัตถุดิบแต่ละอย่างและเมนูแต่ละเมนู เราว่าอีกหน่อยถ้าทำชำนาญจะลองคิดที่จะทำขายบ้าง

พ่อเราเคยเกือบสูญเสียขาจากแผลเรื้อรังที่สาเหตุเกิดจากโรคเบาหวานมาแล้วครั้งนึง แต่ก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี ส่วนหนึ่งก็มาจากอาหารของโรงพยาบาลที่ถูกปรุงให้เหมาะกับโรคเบาหวานนั้นแหละ เราเลยคิดว่าต่อไปนี้จะต้องดูแลเรื่องอาหารการินขิงพ่อให้มากขึ้น ซึ่งหนังสือเรื่องเบาหวานอาหารลดน้ำตาลในเลือดนี้ก็มีประโยชน์มากสำหรับครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะครอบครัวเราเลยละ เมนูอาหารก็มีให้เลือกเยอะอยู่นะ เราว่าถึงคนที่ไม่ได้เป็นเบาหวานกินก็เหมือนเป็นกันป้องกันในตัวไปได้ แถมยังเป็นการกินรวมกันกับผู้ป่วยก็เหมือนได้ให้กำลังใจกันไปด้วยน่ะ วัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารจากสูตรของหนังสือเบาหวาน อาหาลดน้ำตาลในเลือดนี้ก็หาได้ไม่อยากเท่าไร แต่ตรงที่ขนาดของวัตถุดิบที่ใช้เราว่าควรต้องให้ถูกต้องตามสูตรทุกอย่างจะดีกว่านะ เพราะว่าหนังสือเล่มนี้นอกจากจะมีสูตรอาหารลดน้ำตาลในเลือดพร้อมกับวิธีที่สอดแทรกด้วยข้อแนะนำระหว่างขั้นตอนการทำด้วย และที่สำคัญคือมีช่องตารางคุณค่าทางอาหาคอยบอกเราในแต่ละเมนูด้วยว่าได้สารอาหารอะไรบ้าง นี้คือขอสำคัญที่เราควรจะทำตามสูตรของหนังสือเนี่ยและ ด้านของมนูอาหารสำหรับลดน้ำตาลในเลือดในเล่มนี้ เมื่อเปิดดูสารบัญก็จะแบ่งหมวดหมู่ชัดเจน ได้แก่ ผัด เช่น ผัดมันเทศ (ซึ่งเมนูนี้แปลกมากสำหรับเรา) ผัดยอดมะม่วงหวานไฟแดง (เคยรู้มาว่าเค้ากินยอดมะม่วงกัน ได้สูตรและต้องไปหามาทกินซะแล้ว) ถั่วลันเตาหวานผัดน้ำมันงา (เราชอบกล่นน้ำมันงามาก รับรองว่าเมนูนี้ไม่พลาด) ต้ม แกง ทอด เช่น ต้มยำป่าปลาช่อน (อันนี้พอเราชอบมาก เพราะเมนูส่วนใหญ่เป็นผักๆ เมนูนี้แหละจะเน้นโปรตีนขึ้นมาบ้าง ) แกงส้มกระเจี๊ยบเขียว (เมนูนี้ก็แปลกไม่แพ้กัน) ยำ เช่น ยำปลาทูน่าสมุนไพร (อันนี้ทำง่ายมาก ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก อร่อยมีประโยชน์ด้วยนะ) สลัด เช่น สลัดเต้าหู้ซอสงา ฟรุตสลัดโยเกิร์ต (อันนี้เป็นเมนูของหวานที่ทำเป็นของว่างได้สบาย แถมอร่อย) สลัดทูน่าสมุนไพรรสจัด และยังมีเมนูอาหารจานเดียวด้วยนะ เช่น ผัดโซบะกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (เมนูนี้เราชอบให้แม่ทำให้มากๆ เพราะอยากกินเม็ดมะม่วงหิมพานต์มากกว่า) ข้าวผัดแกงเนื้อริกขี้หนู (เมนูนี้บ้านเราขอบาย เพราะบ้านเรากินเผ็ดมากไม่ได้ ขอเลือกเมนูอื่นทำดีกว่า) และยังมีน้ำพริกด้วยนะ เช่น น้ำพริกมะเขือเทศ (น้ำพริกนี้แปลกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเลย เราหรับเรามันเหมือนซอสมะเขือเทศซะมากกว่า) เมื่อเราทำอาหารคาวและของว่างแล้ว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้หลังสิ้นสุดการรับประทานอาหารก็คือ นำนั้นเอง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็มีเมนูให้เหมือนกัน เช่นน้ำมะเฟือง น้ำผักสลัด หนังสือเล่มนี้นี่ดูแลตั้งแต่ของความยันของหวาน รวมไปถึงน้ำด้วย นอกจากเมนูที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ก็มีเมนูอื่นๆอีกให้เลือกอีกมากมาย แต่เล่มนี้สำหรับเราเล่มนี้จะเน้นผักมากการกว่า เพราะด้วยความที่เป็นอาหารสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน

พ่อเราเคยเกือบสูญเสียขาจากแผลเรื้อรังที่สาเหตุเกิดจากโรคเบาหวานมาแล้วครั้งนึง แต่ก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี ส่วนหนึ่งก็มาจากอาหารของโรงพยาบาลที่ถูกปรุงให้เหมาะกับโรคเบาหวานนั้นแหละ เราเลยคิดว่าต่อไปนี้จะต้องดูแลเรื่องอาหารการินขิงพ่อให้มากขึ้น ซึ่งหนังสือเรื่องเบาหวานอาหารลดน้ำตาลในเลือดนี้ก็มีประโยชน์มากสำหรับครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะครอบครัวเราเลยละ เมนูอาหารก็มีให้เลือกเยอะอยู่นะ เราว่าถึงคนที่ไม่ได้เป็นเบาหวานกินก็เหมือนเป็นกันป้องกันในตัวไปได้ แถมยังเป็นการกินรวมกันกับผู้ป่วยก็เหมือนได้ให้กำลังใจกันไปด้วยน่ะ วัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารจากสูตรของหนังสือเบาหวาน อาหาลดน้ำตาลในเลือดนี้ก็หาได้ไม่อยากเท่าไร แต่ตรงที่ขนาดของวัตถุดิบที่ใช้เราว่าควรต้องให้ถูกต้องตามสูตรทุกอย่างจะดีกว่านะ เพราะว่าหนังสือเล่มนี้นอกจากจะมีสูตรอาหารลดน้ำตาลในเลือดพร้อมกับวิธีที่สอดแทรกด้วยข้อแนะนำระหว่างขั้นตอนการทำด้วย และที่สำคัญคือมีช่องตารางคุณค่าทางอาหาคอยบอกเราในแต่ละเมนูด้วยว่าได้สารอาหารอะไรบ้าง นี้คือขอสำคัญที่เราควรจะทำตามสูตรของหนังสือเนี่ยและ ด้านของมนูอาหารสำหรับลดน้ำตาลในเลือดในเล่มนี้ เมื่อเปิดดูสารบัญก็จะแบ่งหมวดหมู่ชัดเจน ได้แก่ ผัด เช่น ผัดมันเทศ (ซึ่งเมนูนี้แปลกมากสำหรับเรา) ผัดยอดมะม่วงหวานไฟแดง (เคยรู้มาว่าเค้ากินยอดมะม่วงกัน ได้สูตรและต้องไปหามาทกินซะแล้ว) ถั่วลันเตาหวานผัดน้ำมันงา (เราชอบกล่นน้ำมันงามาก รับรองว่าเมนูนี้ไม่พลาด) ต้ม แกง ทอด เช่น ต้มยำป่าปลาช่อน (อันนี้พอเราชอบมาก เพราะเมนูส่วนใหญ่เป็นผักๆ เมนูนี้แหละจะเน้นโปรตีนขึ้นมาบ้าง ) แกงส้มกระเจี๊ยบเขียว (เมนูนี้ก็แปลกไม่แพ้กัน) ยำ เช่น ยำปลาทูน่าสมุนไพร (อันนี้ทำง่ายมาก ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก อร่อยมีประโยชน์ด้วยนะ) สลัด เช่น สลัดเต้าหู้ซอสงา ฟรุตสลัดโยเกิร์ต (อันนี้เป็นเมนูของหวานที่ทำเป็นของว่างได้สบาย แถมอร่อย) สลัดทูน่าสมุนไพรรสจัด และยังมีเมนูอาหารจานเดียวด้วยนะ เช่น ผัดโซบะกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (เมนูนี้เราชอบให้แม่ทำให้มากๆ เพราะอยากกินเม็ดมะม่วงหิมพานต์มากกว่า) ข้าวผัดแกงเนื้อริกขี้หนู (เมนูนี้บ้านเราขอบาย เพราะบ้านเรากินเผ็ดมากไม่ได้ ขอเลือกเมนูอื่นทำดีกว่า) และยังมีน้ำพริกด้วยนะ เช่น น้ำพริกมะเขือเทศ (น้ำพริกนี้แปลกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเลย เราหรับเรามันเหมือนซอสมะเขือเทศซะมากกว่า) เมื่อเราทำอาหารคาวและของว่างแล้ว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้หลังสิ้นสุดการรับประทานอาหารก็คือ นำนั้นเอง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็มีเมนูให้เหมือนกัน เช่นน้ำมะเฟือง น้ำผักสลัด หนังสือเล่มนี้นี่ดูแลตั้งแต่ของความยันของหวาน รวมไปถึงน้ำด้วย นอกจากเมนูที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ก็มีเมนูอื่นๆอีกให้เลือกอีกมากมาย แต่เล่มนี้สำหรับเราเล่มนี้จะเน้นผักมากการกว่า เพราะด้วยความที่เป็นอาหารสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน

หนังเรื่องเรียนรู้ร่างกายง่ายจังเป็นหนังสือที่เหมาะมากสำหรับเด็ก เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาของหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวของกับร่างกายของมนุษย์ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้ความรู้มากสำหรับเด็กๆน้องๆหนูๆรวมไปถึงผู้ใหญ่อย่างเราๆแหละ เราเองเป็นคนที่ชอบอะไรน่ารักกุ๊กกิ๊กนะ เห็นหน้าปกแล้วถูกใจเลยอ่ะ เป็นเล่มสีเขียนสดใสมีความใจสีชมพูที่ใสเชื่อเรื่องเอาไว้ พร้อมกับรูปการ์ตูนประกอบหน้าปกที่น่ารักด้วย ดูผ่านๆแล้วเราไม่คิดว่าจะเป็นหนังสือที่เป็นความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในร่างกายของเราเลยละ แต่เป็นเหมือนหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิงทั่วไปประมาณนั้นเลย หัวข้อที่ให้อ่านก็มีเยอะมากๆ โดยจะแบ่งหมวดหมู่ของแต่ละหัวข้อออกเป็นห้าหมวด ได้แก่ หัวข้อที่หนึ่งเรื่องกระดูกและกล้ามเนื้อ ก็จะมีหัวข้อย่อยต่างๆอาทิเช่น ร่างกายเรามีกระดูกเยอะแค่ไหน ข้อต่อคืออะไร กระดูกแข็งแรงแค่ไหน หัวข้อที่สองเรื่องการไหลเวียนเลือดและการหายใจ แบ่งย่อยต่างออกเช่น ทำไมหัวใจถึงเต้นเร็วเวลาออกกำลังกาย ทำไมหัวใจเต้นตึกตักตลอดเวลา ทำไมเราต้องกายใจ หัวข้อที่สามเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย อาทิเช่น ทารกในท้องเกิดมาได้ยังไง(เราว่าถ้าจะให้อธิบายกับเด็กเรื่องนี้ เราว่ายากมากนะ แต่หนังสือเล่มนี้เขียนออกมาได้ดีทีเดียว) ทารกที่อยู่ในท้องมองเห็นรึป่าว หัวข้อที่สี่ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง อาทิเช่น มีอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกายด้วยหรอ ทำไมต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่ และหัวข้อสุดท้ายเป็นหัวข้อที่เสริมความรู้เกี่ยวกับร่างกาย อาทิเช่น นิสัยที่ดีและนิสัยที่ไม่ดีต่อร่างกาย ส่วนสูงจงเพิ่มขึ้น(เรื่องนี้ชอบมาก เพราะว่าเราค่อนข้างที่จะเตี้ยมากเลยอ่ะ แต่ว่าตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว อ่านไว้ปรับสมอง ไว้ใช้กับลูกละกันนะ) นี้ก็เป็นแค่หัวข้อบางส่วนนี้น้อยนิดจากของจริงมากๆนะ เราว่าหนังสือเรื่องเรียนรู้ร่างกายง่ายจังนี้เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่สมัยนี้มากเลยอ่ะ เพราะภาษาเขียนของหนังสือเล่มนี้เหมาะที่จะอธิบายและสอนเด็กๆได้เป็นอย่างดี แถมตัวอักษรที่ใช้ก็น่ารักไม่ใช่เล่น ขนาดเราไม่ใช่เด็กเรายังชอบเลยอ่ะ เราว่าการที่ให้เด็กๆอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ อาจจะทำให้เด็กคนนึงมีความฝันที่อยากจะเป็นคุณหมอในอนาคตก็ได้นะ โดยหนังสือเล่มนี้จะบอกตั้งแต่โครงสร้าง หน้าที่ กระบวนการและขั้นตอนการเกิดอาการต่างๆของอวัยวะในร่างกายได้เป็นอย่างเข้าใจง่าย และยังเป็นการอธิบายที่มาพร้อมกันภาพประกอบที่น่ารักยิ่งทำให้น่าอ่านเข้าไปอีก ยังไงก็อยากให้เด็กไทยหันมาอ่านหนังสือที่มีประโยชน์กันมากขึ้นนะ หนังสือเรื่องเรียนรู้ร่ายกายง่ายจังนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเล่มหนึ่งไม่น้อยเหมือนกัน

หนังเรื่องเรียนรู้ร่างกายง่ายจังเป็นหนังสือที่เหมาะมากสำหรับเด็ก เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาของหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวของกับร่างกายของมนุษย์ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้ความรู้มากสำหรับเด็กๆน้องๆหนูๆรวมไปถึงผู้ใหญ่อย่างเราๆแหละ เราเองเป็นคนที่ชอบอะไรน่ารักกุ๊กกิ๊กนะ เห็นหน้าปกแล้วถูกใจเลยอ่ะ เป็นเล่มสีเขียนสดใสมีความใจสีชมพูที่ใสเชื่อเรื่องเอาไว้ พร้อมกับรูปการ์ตูนประกอบหน้าปกที่น่ารักด้วย ดูผ่านๆแล้วเราไม่คิดว่าจะเป็นหนังสือที่เป็นความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในร่างกายของเราเลยละ แต่เป็นเหมือนหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิงทั่วไปประมาณนั้นเลย หัวข้อที่ให้อ่านก็มีเยอะมากๆ โดยจะแบ่งหมวดหมู่ของแต่ละหัวข้อออกเป็นห้าหมวด ได้แก่ หัวข้อที่หนึ่งเรื่องกระดูกและกล้ามเนื้อ ก็จะมีหัวข้อย่อยต่างๆอาทิเช่น ร่างกายเรามีกระดูกเยอะแค่ไหน ข้อต่อคืออะไร กระดูกแข็งแรงแค่ไหน หัวข้อที่สองเรื่องการไหลเวียนเลือดและการหายใจ แบ่งย่อยต่างออกเช่น ทำไมหัวใจถึงเต้นเร็วเวลาออกกำลังกาย ทำไมหัวใจเต้นตึกตักตลอดเวลา ทำไมเราต้องกายใจ หัวข้อที่สามเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย อาทิเช่น ทารกในท้องเกิดมาได้ยังไง(เราว่าถ้าจะให้อธิบายกับเด็กเรื่องนี้ เราว่ายากมากนะ แต่หนังสือเล่มนี้เขียนออกมาได้ดีทีเดียว) ทารกที่อยู่ในท้องมองเห็นรึป่าว หัวข้อที่สี่ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง อาทิเช่น มีอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกายด้วยหรอ ทำไมต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่ และหัวข้อสุดท้ายเป็นหัวข้อที่เสริมความรู้เกี่ยวกับร่างกาย อาทิเช่น นิสัยที่ดีและนิสัยที่ไม่ดีต่อร่างกาย ส่วนสูงจงเพิ่มขึ้น(เรื่องนี้ชอบมาก เพราะว่าเราค่อนข้างที่จะเตี้ยมากเลยอ่ะ แต่ว่าตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว อ่านไว้ปรับสมอง ไว้ใช้กับลูกละกันนะ) นี้ก็เป็นแค่หัวข้อบางส่วนนี้น้อยนิดจากของจริงมากๆนะ เราว่าหนังสือเรื่องเรียนรู้ร่างกายง่ายจังนี้เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่สมัยนี้มากเลยอ่ะ เพราะภาษาเขียนของหนังสือเล่มนี้เหมาะที่จะอธิบายและสอนเด็กๆได้เป็นอย่างดี แถมตัวอักษรที่ใช้ก็น่ารักไม่ใช่เล่น ขนาดเราไม่ใช่เด็กเรายังชอบเลยอ่ะ เราว่าการที่ให้เด็กๆอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ อาจจะทำให้เด็กคนนึงมีความฝันที่อยากจะเป็นคุณหมอในอนาคตก็ได้นะ โดยหนังสือเล่มนี้จะบอกตั้งแต่โครงสร้าง หน้าที่ กระบวนการและขั้นตอนการเกิดอาการต่างๆของอวัยวะในร่างกายได้เป็นอย่างเข้าใจง่าย และยังเป็นการอธิบายที่มาพร้อมกันภาพประกอบที่น่ารักยิ่งทำให้น่าอ่านเข้าไปอีก ยังไงก็อยากให้เด็กไทยหันมาอ่านหนังสือที่มีประโยชน์กันมากขึ้นนะ หนังสือเรื่องเรียนรู้ร่ายกายง่ายจังนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเล่มหนึ่งไม่น้อยเหมือนกัน

เรื่องการปั้นดินน้ำมันนี้เราซื้อมาเพื่อให้หลานเราแหละ ด้วยความที่เราอยากให้หลานเราสร้างจินตนาการก็เลยไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการปั้นดินน้ำมันมา เลยไม่จอหนังสือเรื่องการปั้นดินน้ำมันเข้า ตอนแรกเราก็ว่าจะไม่ซื้อนะ เพราะทั้งเล่มมีแต่เรื่องของซูชิไม่ได้หลากหลาย แต่ด้วยความที่เล่มนี้รูปขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างจะละเอียดมาก เลยต้องติดไม้ติดมือกลับมาด้วย เนื้อหาส่วนใหญ่ในเล่มจะเป็นรูปเกือบทั้งหมด บอกถึงขั้นตอนการทำของแต่ละขันตอนอย่างละเอียด สารบัญก็มีรูปซูชิดินน้ำมันให้เลือกและกำกับเลขหน้าข้างล่าง แต่ละรูปเหมือนของจริงมากๆ ขั้นตอนก็บอกละเอียดอ่านง่ายและชัดเจนดี โดยส่วนตัวชอบนะน่ารักดี และนอกจากจะมีซูชิหน้าต่างๆแล้ว ก่อนทำเรื่องแรกๆของเล่มนี้ก็จะบอกและอธิบายถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ทำซูชิดินน้ำมันก่อนด้วย ชัดเจนดีนะ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆก็หาได้ง่ายไม่ยากเย็นอะไร พอให้หลานดูหลานชอบมากเลยนะ เพราะด้วยความที่รูปสวยเหมือนจริง เป็นสีทั้งเล่มและก็เป็นกระดาษเงาด้วย สวยและเหมือนจริงมาก หลานเลยคะยั้นคะยอให้ไปหาซื้อวัสดุอุปกรณ์มาให้เพิ่มอีก ลำบากเลยทีนี้ ต้องไปหามาให้หลานเพิ่ม พอหลานได้ทำก็ทำได้นะ ไม่ยากเท่าไร แต่อาจจะไม่เหมือนมากเพราะเด็กอะนะ เพิ่งเริ่มทำครั้งแรกด้วย ขนาดเราเองยังทำไม่ได้เหมือนเท่าไรเลย แต่ที่ได้จากหนังสือเล่มนี้นอกจากจะได้ดินน้ำมันสวยๆแล้ว ยังได้ความรัก ความอบอุ่น ความสนุกสนานในครอบครัว รวมไปถึงความผูกพันในครอบครัวด้วยนะ แถมยังเป็นกิจกรรมยามว่างที่จะช่วยให้เด็กๆในบ้านเรามีสมาธิขึ้น แถมยังสร้างจินตนาการของเด็กๆอีกด้วย เราว่ามันก็ไม่เลวนะ เด๋วถ้ามีโอกาสจะไปหาหนังสือเกี่ยวกับดินน้ำมันในแบบอื่นๆมาให้หลานลองทำ แต่ที่มีตอนนี้เรื่องซูชินี้ก็ยังทำไม่ครบทุกแบบเลย ทำไปแล้วหลายแบบเหมือนกัน สนุกดีใช้ได้ ผู้ใหญ่อย่างเราก็ทำได้น่ะ แก้เครียดได้ดีเหมือนกัน กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งคงไม่ได้แปลกอะเนอะ ซึ่งเล่มนี้จะมีซูชิให้เลือกทำตั้งยี่สิบหน้าแหนะ ไม่ว่าจะเป็นซูชิหน้ากุ้ง ซูชิหน้าไข่กุ้ง ซูชิหน้าไข่หวาน ซูชิแบบซาหร่ายก็มีนะ ที่ชอบที่สุดคือหน้าปากไหลอ่ะ อันนี้สำหรับเราทำยากที่สุดเลย แต่ที่ทำง่ายและหลานเราทำได้เหมือนที่สุดก็คงจะเป็นหน้าไข่กุ้งแหละ ปั้นกลมๆเล็กๆใช้ดินน้ำมันสีส้มๆ เสร็จแล้วเอามาว่างเป็นหน้า อันนี้ง่ายที่สุด ยังไงเล่มนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณหนูๆแหละ

เรื่องการปั้นดินน้ำมันนี้เราซื้อมาเพื่อให้หลานเราแหละ ด้วยความที่เราอยากให้หลานเราสร้างจินตนาการก็เลยไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการปั้นดินน้ำมันมา เลยไม่จอหนังสือเรื่องการปั้นดินน้ำมันเข้า ตอนแรกเราก็ว่าจะไม่ซื้อนะ เพราะทั้งเล่มมีแต่เรื่องของซูชิไม่ได้หลากหลาย แต่ด้วยความที่เล่มนี้รูปขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างจะละเอียดมาก เลยต้องติดไม้ติดมือกลับมาด้วย เนื้อหาส่วนใหญ่ในเล่มจะเป็นรูปเกือบทั้งหมด บอกถึงขั้นตอนการทำของแต่ละขันตอนอย่างละเอียด สารบัญก็มีรูปซูชิดินน้ำมันให้เลือกและกำกับเลขหน้าข้างล่าง แต่ละรูปเหมือนของจริงมากๆ ขั้นตอนก็บอกละเอียดอ่านง่ายและชัดเจนดี โดยส่วนตัวชอบนะน่ารักดี และนอกจากจะมีซูชิหน้าต่างๆแล้ว ก่อนทำเรื่องแรกๆของเล่มนี้ก็จะบอกและอธิบายถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ทำซูชิดินน้ำมันก่อนด้วย ชัดเจนดีนะ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆก็หาได้ง่ายไม่ยากเย็นอะไร พอให้หลานดูหลานชอบมากเลยนะ เพราะด้วยความที่รูปสวยเหมือนจริง เป็นสีทั้งเล่มและก็เป็นกระดาษเงาด้วย สวยและเหมือนจริงมาก หลานเลยคะยั้นคะยอให้ไปหาซื้อวัสดุอุปกรณ์มาให้เพิ่มอีก ลำบากเลยทีนี้ ต้องไปหามาให้หลานเพิ่ม พอหลานได้ทำก็ทำได้นะ ไม่ยากเท่าไร แต่อาจจะไม่เหมือนมากเพราะเด็กอะนะ เพิ่งเริ่มทำครั้งแรกด้วย ขนาดเราเองยังทำไม่ได้เหมือนเท่าไรเลย แต่ที่ได้จากหนังสือเล่มนี้นอกจากจะได้ดินน้ำมันสวยๆแล้ว ยังได้ความรัก ความอบอุ่น ความสนุกสนานในครอบครัว รวมไปถึงความผูกพันในครอบครัวด้วยนะ แถมยังเป็นกิจกรรมยามว่างที่จะช่วยให้เด็กๆในบ้านเรามีสมาธิขึ้น แถมยังสร้างจินตนาการของเด็กๆอีกด้วย เราว่ามันก็ไม่เลวนะ เด๋วถ้ามีโอกาสจะไปหาหนังสือเกี่ยวกับดินน้ำมันในแบบอื่นๆมาให้หลานลองทำ แต่ที่มีตอนนี้เรื่องซูชินี้ก็ยังทำไม่ครบทุกแบบเลย ทำไปแล้วหลายแบบเหมือนกัน สนุกดีใช้ได้ ผู้ใหญ่อย่างเราก็ทำได้น่ะ แก้เครียดได้ดีเหมือนกัน กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งคงไม่ได้แปลกอะเนอะ ซึ่งเล่มนี้จะมีซูชิให้เลือกทำตั้งยี่สิบหน้าแหนะ ไม่ว่าจะเป็นซูชิหน้ากุ้ง ซูชิหน้าไข่กุ้ง ซูชิหน้าไข่หวาน ซูชิแบบซาหร่ายก็มีนะ ที่ชอบที่สุดคือหน้าปากไหลอ่ะ อันนี้สำหรับเราทำยากที่สุดเลย แต่ที่ทำง่ายและหลานเราทำได้เหมือนที่สุดก็คงจะเป็นหน้าไข่กุ้งแหละ ปั้นกลมๆเล็กๆใช้ดินน้ำมันสีส้มๆ เสร็จแล้วเอามาว่างเป็นหน้า อันนี้ง่ายที่สุด ยังไงเล่มนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณหนูๆแหละ

เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินมะม่วงมาก ตั้งแต่มะม่วงลูกเล็กอ่อนๆเปรี้ยวสุดไปจนถึงสุกจนเหลืองหอมน่ากิน โดยเฉพาะเหลืองชอบมากเพราะหวาน แต่บางพันธุ์นี้ทำไมถึงมีกลิ่นเหม็นก็ไม่รู้ อย่างโชคอนันเนี่ย กินแล้วแบบกลิ่นขึ้นจมูกเลย จนกระทั่งเราไม่มีโอกาสไปเจอกับหนังสือเล่มนี้ หนังสือเรื่องมะม่วงนี้เข้า โดยแค่เห็นหน้าปกของหนังสือก็น่าอ่านมากแล้ว เป็นรูปมะม่วงแล้วมีคนที่เป็นตัวการ์ตูนยืนกระจายอยู่ เนื้อหาของเรื่องก็จะครอบคลุมไปทุกเรื่อง โดยจะแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ส่วนที่หนึ่งคือความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมะม่วง ส่วนนี้จะเริ่มตั้งแต่ให้เรารู้จักกันมะม่วงมากขึ้น รวมไปถึงประวัติความเป็นมาของมะม่วง ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนได้อ่านเล่มนี้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ นอกจากนี้ก็ยังบอกวิธีการปลูกมะม่วง สายพันธุ์มะม่วง เราชอบหน้าสายพันธุ์รู้จักมะม่วงจริงจังก็คราวนี้แหละ โดยหน้านี้จะมีรูปมะม่วงทุกสายพันธุ์มารวมกันไว้ให้เราดูเลย ชอบอ่ะ ความรู้เยอะดี เราเคยเห็นมะม่วงที่มันกลมๆด้วยที่บ้านยาย ตอนนั้นเรานึกว่ามันกลายพันธุ์เลยกลมๆเหมือแอบเปิ้ล เพิ่งรู้ก็วันนี้ว่ามันคือสายพันธุของเค้านั้นเอง หน้านี้จะเปลี่ยนเทียบมะม่วงแต่ละสายพันธุ์ให้เห็นกันจะๆไปเลย ตอนนี้เราแยกมะม่วงออกและเวลาเจอตามตลาด ฮาๆ และนอกจากนี้ส่วนที่หนึ่งนี้ก็ยังมีเนื้อหาเรื่องประโยชน์ของมะม่วงด้วย ส่วนที่สองก็จะแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปลูกมะม่วง โดยเริ่มกันตั้งแต่ การเตรียมดิน การเพาะปลูก ดูแล การทาบกิ่งมะม่วง โรคและศัตรูของมะม่วง การเก็บเกี่ยว ปฏิทินการปลูก และที่ชอบที่สุดคือการแปรรูปมะม่วงทั้งเป้นมะม่วงกวน ซอสมะม่วง ข้าวเหนียวมูน และสมูตตี้มะม่วง เรารู้สึกแปลกมากกับซอสมะม่วง ไม่คิดว่าผลไม้อย่างมะม่วงจะเอามาทำเป็นซอสได้ อ่านแล้วแต่ยังไม่เคยลองทำนะ แต่น่าสนใจเดี๋ยวจะเอาสูตรไปลองทำดู แต่ที่น่าจะทำได้แล้ว มะม่วงกวนนี้แหล เวลาซื้อมะม่วงมาทีไรกินไม่ทันสุกงอมจนเละทุกที ทีนี้แหละจะกวนไว้กินและ และส่วนที่สามจะเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เกี่ยวกับมะม่วง เช่น คุณค่าทางโภชนาการของมะม่วง ขงเล่นจากใบมะม่วง อันนี้แปลกมากสำหรับเด็กกรุงเทพอย่างเรา เราะปกติจะเห็นแต่การเอาใบกล้วยมาทำขี้ม้าส่งเมือง ไม่เคยคิดว่าใบเล็กเรียวๆอย่างมะม่วงจะสามารถเอามาทำของเล่นได้ เรื่องสุดท้ายที่ไม่ควรจะพลาดคือ การเลือกซื้อมะม่วงทั้งสุกและดิบ นี้เป็นเรื่องที่เราควรรู้มากที่สุดเวลาเราไปจ่ายตลาดซื้อมะม่วง หนังสือเล่มนี้ก็ได้แนะนำไว้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของการเขียนและบรรยายเนื้อหา เล่มนี้ก็ได้ใส่รูปวาดที่น่ารักสีสันสนใสไว้ทั้งหมด ทำให้เวลาอ่านไม่น่าเบื่อด้วย โดยเฉพาะเหมาะกับเด็กๆอายุเก้าถึงสิบห้าแต่เรานี้เลยมาเยอะและ ฮาๆ

เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินมะม่วงมาก ตั้งแต่มะม่วงลูกเล็กอ่อนๆเปรี้ยวสุดไปจนถึงสุกจนเหลืองหอมน่ากิน โดยเฉพาะเหลืองชอบมากเพราะหวาน แต่บางพันธุ์นี้ทำไมถึงมีกลิ่นเหม็นก็ไม่รู้ อย่างโชคอนันเนี่ย กินแล้วแบบกลิ่นขึ้นจมูกเลย จนกระทั่งเราไม่มีโอกาสไปเจอกับหนังสือเล่มนี้ หนังสือเรื่องมะม่วงนี้เข้า โดยแค่เห็นหน้าปกของหนังสือก็น่าอ่านมากแล้ว เป็นรูปมะม่วงแล้วมีคนที่เป็นตัวการ์ตูนยืนกระจายอยู่ เนื้อหาของเรื่องก็จะครอบคลุมไปทุกเรื่อง โดยจะแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ส่วนที่หนึ่งคือความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับมะม่วง ส่วนนี้จะเริ่มตั้งแต่ให้เรารู้จักกันมะม่วงมากขึ้น รวมไปถึงประวัติความเป็นมาของมะม่วง ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนได้อ่านเล่มนี้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ นอกจากนี้ก็ยังบอกวิธีการปลูกมะม่วง สายพันธุ์มะม่วง เราชอบหน้าสายพันธุ์รู้จักมะม่วงจริงจังก็คราวนี้แหละ โดยหน้านี้จะมีรูปมะม่วงทุกสายพันธุ์มารวมกันไว้ให้เราดูเลย ชอบอ่ะ ความรู้เยอะดี เราเคยเห็นมะม่วงที่มันกลมๆด้วยที่บ้านยาย ตอนนั้นเรานึกว่ามันกลายพันธุ์เลยกลมๆเหมือแอบเปิ้ล เพิ่งรู้ก็วันนี้ว่ามันคือสายพันธุของเค้านั้นเอง หน้านี้จะเปลี่ยนเทียบมะม่วงแต่ละสายพันธุ์ให้เห็นกันจะๆไปเลย ตอนนี้เราแยกมะม่วงออกและเวลาเจอตามตลาด ฮาๆ และนอกจากนี้ส่วนที่หนึ่งนี้ก็ยังมีเนื้อหาเรื่องประโยชน์ของมะม่วงด้วย ส่วนที่สองก็จะแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปลูกมะม่วง โดยเริ่มกันตั้งแต่ การเตรียมดิน การเพาะปลูก ดูแล การทาบกิ่งมะม่วง โรคและศัตรูของมะม่วง การเก็บเกี่ยว ปฏิทินการปลูก และที่ชอบที่สุดคือการแปรรูปมะม่วงทั้งเป้นมะม่วงกวน ซอสมะม่วง ข้าวเหนียวมูน และสมูตตี้มะม่วง เรารู้สึกแปลกมากกับซอสมะม่วง ไม่คิดว่าผลไม้อย่างมะม่วงจะเอามาทำเป็นซอสได้ อ่านแล้วแต่ยังไม่เคยลองทำนะ แต่น่าสนใจเดี๋ยวจะเอาสูตรไปลองทำดู แต่ที่น่าจะทำได้แล้ว มะม่วงกวนนี้แหล เวลาซื้อมะม่วงมาทีไรกินไม่ทันสุกงอมจนเละทุกที ทีนี้แหละจะกวนไว้กินและ และส่วนที่สามจะเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เกี่ยวกับมะม่วง เช่น คุณค่าทางโภชนาการของมะม่วง ขงเล่นจากใบมะม่วง อันนี้แปลกมากสำหรับเด็กกรุงเทพอย่างเรา เราะปกติจะเห็นแต่การเอาใบกล้วยมาทำขี้ม้าส่งเมือง ไม่เคยคิดว่าใบเล็กเรียวๆอย่างมะม่วงจะสามารถเอามาทำของเล่นได้ เรื่องสุดท้ายที่ไม่ควรจะพลาดคือ การเลือกซื้อมะม่วงทั้งสุกและดิบ นี้เป็นเรื่องที่เราควรรู้มากที่สุดเวลาเราไปจ่ายตลาดซื้อมะม่วง หนังสือเล่มนี้ก็ได้แนะนำไว้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของการเขียนและบรรยายเนื้อหา เล่มนี้ก็ได้ใส่รูปวาดที่น่ารักสีสันสนใสไว้ทั้งหมด ทำให้เวลาอ่านไม่น่าเบื่อด้วย โดยเฉพาะเหมาะกับเด็กๆอายุเก้าถึงสิบห้าแต่เรานี้เลยมาเยอะและ ฮาๆ

เรื่องญี่ปุ่นอยู่ในใจเสมอเล่มสองนี้ เป็นเล่มที่สองหลังจากที่เราได้มีโอกาสอ่านเล่มสาม แต่ละเล่มเห็นว่าจะแนะนำสถานที่ในเมืองแตกต่างกันนะ เล่มที่สามนั้นจะเป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรวมถึงร้านอาหารในเมืองโทโฮกุหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่นและเกาะฮอกไกโด ซึ่งเราชอบมากในเรื่องของเนื้อหาที่มีความละเอียดตั้งแต่เรื่องแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว บอกกระทั้งแผนที่ในแหล่างท่องเที่ยวนั้นๆ รวมไปถึงแผนที่ตาราง ราคา ของรถไฟ และการเดินทางต่างๆอีก และที่สำคัญคือบอกเรื่องร้านอาหารซึ่งเป็นความฝันของเราอย่างนึงที่อยากไปไปลิ้มชิมรสอาหารญี่ปุ่นแท้ๆที่ประเทศต้นตำหรับเลย บอกละเอียดกระทั้งเมนูและราคา พร้อมทั้งการเดินทางไป แถมยังมีรูปอาหารจานเด็ดของแต่ละร้านมายั่วยวนในน้ำลายสอกันไปอีก เลยไม่ต้องรีรอเลยถ้าเราจะเอาหนังสือเรื่องญี่ปุ่นอยู่ในใจเสมอ เล่ม2 นี้มาครอบครองไว้ หนังสือเล่มนี้ก็คล้ายๆกับเล่มสามแหละ แต่ด้วยความที่เป็นเล่มที่พิมพ์ก่อนเล่มที่สามไงเลยจะไม่ได้ดีหรือภาพสวยเท่ากับเล่มที่สาม แต่เนื้อหาข้างในก็ไม่ได้แต่ต่างกันมาก หนังสือเล่มที่สองนี้จะเป็นการนำเสนอเนื้อหาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า...เกียวโต เช่น สถานที่ท่องเที่ยว Sanjusangendo หรือวิหารเจ้าแม่กวนอิมหนึ่งพันหนี่งร้อยองค์ ปกติเราไม่ได้นับถือเจ้าแม่กวนอิม แต่นี้ตั้งหนึ่งพันหนึ่งร้อยองค์แนะ อยากไปเห็นมากๆ ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าญี่ปุ่นเค้าก็ดังในเรื่องของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ก็ยังมี Kyoto National Museum หรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต นี้ก็น่าไปไม่แพ้กัน การที่เราไปเที่ยวที่เมืองเกียวโต เราว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือทำความรู้จักกับเมืองให้ได้มากที่สุดก่อน เวลาเที่ยวก็จะสนุกขึ้น ซึ่งพิพิธภัณฑ์เกียวโตนี้ก้เป็นสถานที่ที่ควรไปเป็นที่แรกด้วยซ้ำ นอกจากสถานที่ท้องเที่ยวและร้านอาหารในเกียวโตแล้วยังมีเมืองที่น่าเที่ยวอื่นในคันไซอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น นาระ วากายาม่า โกเบ(เรื่องชื่อเรื่องเนื้อวัวโกเบ ถ้าได้ไปจะขอสักคำให้ชื่นใจเลย) ฮิเมจิ ฮิโกเน่ และเล่มนี้เค้าก็ได้แนะนะเมืองออนเซ็นไว้สองที่ที่น่าไปก็คือ คิโนะซากิ-ออนเซ็นและอะริมะ-ออนเซ็น แต่ละที่เห็นแล้วน่าไปทั้งนั้นอ่ะ แถมเล่มนี้ยังแถมสถานที่เทียวในเขตซูโกกุด้วยนะ ก็คือโอกายามะ-คุระชิกิ นอกจากนี้ในเล่มนี้ยงเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่สะดวกด้วยบัตร Kansai Thru Pass และ JR Kansai WIDE Area Pass ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดและเที่ยวได้รอบเลยละ

เรื่องญี่ปุ่นอยู่ในใจเสมอเล่มสองนี้ เป็นเล่มที่สองหลังจากที่เราได้มีโอกาสอ่านเล่มสาม แต่ละเล่มเห็นว่าจะแนะนำสถานที่ในเมืองแตกต่างกันนะ เล่มที่สามนั้นจะเป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรวมถึงร้านอาหารในเมืองโทโฮกุหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่นและเกาะฮอกไกโด ซึ่งเราชอบมากในเรื่องของเนื้อหาที่มีความละเอียดตั้งแต่เรื่องแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว บอกกระทั้งแผนที่ในแหล่างท่องเที่ยวนั้นๆ รวมไปถึงแผนที่ตาราง ราคา ของรถไฟ และการเดินทางต่างๆอีก และที่สำคัญคือบอกเรื่องร้านอาหารซึ่งเป็นความฝันของเราอย่างนึงที่อยากไปไปลิ้มชิมรสอาหารญี่ปุ่นแท้ๆที่ประเทศต้นตำหรับเลย บอกละเอียดกระทั้งเมนูและราคา พร้อมทั้งการเดินทางไป แถมยังมีรูปอาหารจานเด็ดของแต่ละร้านมายั่วยวนในน้ำลายสอกันไปอีก เลยไม่ต้องรีรอเลยถ้าเราจะเอาหนังสือเรื่องญี่ปุ่นอยู่ในใจเสมอ เล่ม2 นี้มาครอบครองไว้ หนังสือเล่มนี้ก็คล้ายๆกับเล่มสามแหละ แต่ด้วยความที่เป็นเล่มที่พิมพ์ก่อนเล่มที่สามไงเลยจะไม่ได้ดีหรือภาพสวยเท่ากับเล่มที่สาม แต่เนื้อหาข้างในก็ไม่ได้แต่ต่างกันมาก หนังสือเล่มที่สองนี้จะเป็นการนำเสนอเนื้อหาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า...เกียวโต เช่น สถานที่ท่องเที่ยว Sanjusangendo หรือวิหารเจ้าแม่กวนอิมหนึ่งพันหนี่งร้อยองค์ ปกติเราไม่ได้นับถือเจ้าแม่กวนอิม แต่นี้ตั้งหนึ่งพันหนึ่งร้อยองค์แนะ อยากไปเห็นมากๆ ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าญี่ปุ่นเค้าก็ดังในเรื่องของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ก็ยังมี Kyoto National Museum หรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต นี้ก็น่าไปไม่แพ้กัน การที่เราไปเที่ยวที่เมืองเกียวโต เราว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือทำความรู้จักกับเมืองให้ได้มากที่สุดก่อน เวลาเที่ยวก็จะสนุกขึ้น ซึ่งพิพิธภัณฑ์เกียวโตนี้ก้เป็นสถานที่ที่ควรไปเป็นที่แรกด้วยซ้ำ นอกจากสถานที่ท้องเที่ยวและร้านอาหารในเกียวโตแล้วยังมีเมืองที่น่าเที่ยวอื่นในคันไซอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น นาระ วากายาม่า โกเบ(เรื่องชื่อเรื่องเนื้อวัวโกเบ ถ้าได้ไปจะขอสักคำให้ชื่นใจเลย) ฮิเมจิ ฮิโกเน่ และเล่มนี้เค้าก็ได้แนะนะเมืองออนเซ็นไว้สองที่ที่น่าไปก็คือ คิโนะซากิ-ออนเซ็นและอะริมะ-ออนเซ็น แต่ละที่เห็นแล้วน่าไปทั้งนั้นอ่ะ แถมเล่มนี้ยังแถมสถานที่เทียวในเขตซูโกกุด้วยนะ ก็คือโอกายามะ-คุระชิกิ นอกจากนี้ในเล่มนี้ยงเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่สะดวกด้วยบัตร Kansai Thru Pass และ JR Kansai WIDE Area Pass ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดและเที่ยวได้รอบเลยละ

เป็นหนังสืออีกเรื่องของอะบุ๊กที่เราได้มีโอกาสอ่าน หลังจากได้อ่านหนังสือที่พี่ฉอดแห่งคลับฟายเดย์แต่งไว้เรื่องรักแท้ไม่น่าจะแพ้อะไร เราไปสะดุดตาหนังสือเรื่องนี้เข้าเพราะหน้าปกและกระดาษเป็นแบบที่เราชอบคือหน้าปกจะเป็นการ์ตูนน่ารักที่มีหนูน้อยหมวกแดงไล่เอามีดกะขวานฟันหมาป่าอยู่ คือตลกอ่ะ เราว่ามันเท่ห์ดีนะ แหวกแนวน่ารักดี และกระดาษยังเป็นกระดาษด้านๆถนอมสายตาด้วยแหละ แค่ชื่อหนังสือเราว่าก็ฮาแล้ว กินขาดแซงหน้าปกไปเลย เรื่องชื่อนิทานตบกบาล อ่านชื่อแล้วก็สงสัย ตบกบาลคืออะไร แล้วใช้อะไรตบ แล้วทำไมต้องตบกบาล แค่ปกก็ชวนคิดและ ฮาๆ คิดว่าเรื่องนี้ต้องสนุกแน่ๆ พอเปิดเข้าไปหน้าแรกเจอคำเตือน เอ๊ะ เราสงสัย ทำไมต้องเตือน อ่านบรรทัดแรกก็เอาฮาเลย “เนื้อหาหนังสือเล่มนี้ อาจมี... เออ ไม่อาจละ มีเลยแหละ เอาใหม่ๆ........” นี้คือสองบรรทัดแรกที่ได้อ่าน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องสนุกแน่ๆ พอเปิดไปอีกยังมีคำเตือนอีกครั้งจากทางสำนักพิมพ์อีก เลยอ่านซะเลย คือแบบฮามาก นี้แค่คำเตือนนะ เตือนแบบฮาๆ และเพิ่งได้รู้ว่าคนที่แต่งเรื่องนี้คือดีเจวิชัย อาชีพดีเจเหมือนพี่ฉอดนั้นแหละ เราชอบมาๆเลยตรง “เด็กหูอ่อนกบาลเปราะ ประเภทที่โทรไปร้องไห้กับรายการวิทยุโดยหวังให้ดีเจปลอบใจด้วยคำพูดที่อ่อนหวาน............เพราะถ้าน้องเกิดดวงตกโทรเข้าไปเจอดีเจวิชัย......จะเป็นมือยื่นออกมาตบกบาลรัวๆ” คือแบบฮามากอ่ะ แค่เจอคำนำเข้าไปก็อยู่หมัดแล้ แล้วอย่างนี้จะไม่ติดมือกลับมาอ่านได้ยังไง เนื้อหาของเรื่องก็เป็นประมาณเอาพวกนิทานมาเอานิทานต่างๆมาวิจารณ์แบบใส่ความฮา ขอบอกก่อนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใช่คำสุภาพสักเท่าไร จึงไม่เหมาะที่จะให้เด็กเอาไปอ่านนะ อย่าคิดว่าหนังสือที่มีการ์ตูนปกหน้ารักกุ๊กกิ๊กจะเหมาะกับเด็กเสมอไป ฮาๆ เพราะเรื่องนี้จะตรงกันข้ามกับความคิดคุณเลยละ ทั้งเล่มส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าเรื่องราวผ่านตัวการ์ตูนที่เขียนขึ้น ไม่ได้สวยงามวิจิตแต่อย่างแต่ใส่ความฮาเข้าไปกับตัวการ์ตูนในตัวด้วย คือสรุปแล้วชอบเล่มนี้มากอ่ะ เอออีกอย่างคือเล่มนี้เป็นเล่มที่ไม่ได้ใหญ่มาก หนาหรือหนักมาก เหมาะที่จบพกอ่านแก้เครียดได้ดีเลยทีเดียว ยังไงก็ไม่อยากให้ทุกคนพลาดหนังสือเรื่องนิทานตบกบาลนี้ ถ้าเจอก็รีบคว้าไว้ครอบครองเลยนะ พี่แนะนำ แต่เรื่องราคานี้ก็แรงนิดนึงสำหรับขนาดหนังสือ แต่สำหรับเนื้อหาเราว่าให้ผ่านเลยละ

เป็นหนังสืออีกเรื่องของอะบุ๊กที่เราได้มีโอกาสอ่าน หลังจากได้อ่านหนังสือที่พี่ฉอดแห่งคลับฟายเดย์แต่งไว้เรื่องรักแท้ไม่น่าจะแพ้อะไร เราไปสะดุดตาหนังสือเรื่องนี้เข้าเพราะหน้าปกและกระดาษเป็นแบบที่เราชอบคือหน้าปกจะเป็นการ์ตูนน่ารักที่มีหนูน้อยหมวกแดงไล่เอามีดกะขวานฟันหมาป่าอยู่ คือตลกอ่ะ เราว่ามันเท่ห์ดีนะ แหวกแนวน่ารักดี และกระดาษยังเป็นกระดาษด้านๆถนอมสายตาด้วยแหละ แค่ชื่อหนังสือเราว่าก็ฮาแล้ว กินขาดแซงหน้าปกไปเลย เรื่องชื่อนิทานตบกบาล อ่านชื่อแล้วก็สงสัย ตบกบาลคืออะไร แล้วใช้อะไรตบ แล้วทำไมต้องตบกบาล แค่ปกก็ชวนคิดและ ฮาๆ คิดว่าเรื่องนี้ต้องสนุกแน่ๆ พอเปิดเข้าไปหน้าแรกเจอคำเตือน เอ๊ะ เราสงสัย ทำไมต้องเตือน อ่านบรรทัดแรกก็เอาฮาเลย “เนื้อหาหนังสือเล่มนี้ อาจมี... เออ ไม่อาจละ มีเลยแหละ เอาใหม่ๆ........” นี้คือสองบรรทัดแรกที่ได้อ่าน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องสนุกแน่ๆ พอเปิดไปอีกยังมีคำเตือนอีกครั้งจากทางสำนักพิมพ์อีก เลยอ่านซะเลย คือแบบฮามาก นี้แค่คำเตือนนะ เตือนแบบฮาๆ และเพิ่งได้รู้ว่าคนที่แต่งเรื่องนี้คือดีเจวิชัย อาชีพดีเจเหมือนพี่ฉอดนั้นแหละ เราชอบมาๆเลยตรง “เด็กหูอ่อนกบาลเปราะ ประเภทที่โทรไปร้องไห้กับรายการวิทยุโดยหวังให้ดีเจปลอบใจด้วยคำพูดที่อ่อนหวาน............เพราะถ้าน้องเกิดดวงตกโทรเข้าไปเจอดีเจวิชัย......จะเป็นมือยื่นออกมาตบกบาลรัวๆ” คือแบบฮามากอ่ะ แค่เจอคำนำเข้าไปก็อยู่หมัดแล้ แล้วอย่างนี้จะไม่ติดมือกลับมาอ่านได้ยังไง เนื้อหาของเรื่องก็เป็นประมาณเอาพวกนิทานมาเอานิทานต่างๆมาวิจารณ์แบบใส่ความฮา ขอบอกก่อนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใช่คำสุภาพสักเท่าไร จึงไม่เหมาะที่จะให้เด็กเอาไปอ่านนะ อย่าคิดว่าหนังสือที่มีการ์ตูนปกหน้ารักกุ๊กกิ๊กจะเหมาะกับเด็กเสมอไป ฮาๆ เพราะเรื่องนี้จะตรงกันข้ามกับความคิดคุณเลยละ ทั้งเล่มส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าเรื่องราวผ่านตัวการ์ตูนที่เขียนขึ้น ไม่ได้สวยงามวิจิตแต่อย่างแต่ใส่ความฮาเข้าไปกับตัวการ์ตูนในตัวด้วย คือสรุปแล้วชอบเล่มนี้มากอ่ะ เอออีกอย่างคือเล่มนี้เป็นเล่มที่ไม่ได้ใหญ่มาก หนาหรือหนักมาก เหมาะที่จบพกอ่านแก้เครียดได้ดีเลยทีเดียว ยังไงก็ไม่อยากให้ทุกคนพลาดหนังสือเรื่องนิทานตบกบาลนี้ ถ้าเจอก็รีบคว้าไว้ครอบครองเลยนะ พี่แนะนำ แต่เรื่องราคานี้ก็แรงนิดนึงสำหรับขนาดหนังสือ แต่สำหรับเนื้อหาเราว่าให้ผ่านเลยละ

เดียวนี้โลกเรามีมลพิษมากขึ้น อากาศที่เราสูดดมกันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ดีซะร้อยเปอร์เซ็น ซึ่งเราก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ได้แต่สูดมันเข้าไปด้วยความไม่เต็มใจ เราได้ไปเจอหนังสือเรื่องสารพิษในชีวิตประจำวันนี้โดยบังเอิญจากห้องสมุด เลยได้ยืมกลับมาอ่านที่หอซะเลย เพราะเราว่าคงได้ประโยชน์มากอยู่การใช้ชีวิตประจำวันสำหรับการอ่านหนังสือเล่มนี้ รูปหน้าปกก็น่ารักมากอ่ะ ที่ชอบที่สุดคือคำเตือน คือ เค้าเขียนว่า “โปรดเก็บใกล้ๆมือเด็ก!!!” เขียนได้เท่ห์ดีอ่ะ แถมยังมีคำว่า (ไม่) ควรอ่านวันละหลายๆครั้ง คำว่าไม่ก็มีเครื่องหมายกากบาทสีแดงทับอยู่ (จิตนาการกันอยู่ละสิ) คือแค่หน้าปกก็ฮาแล้วอ่ะ แถมหนังสือเล่มนี้ยังเป็นฉบับการ์ตูนอีก ยิ่งน่าอ่านเข้าไปใหญ่ ซึ่งหนังสือเรื่องนี้เป็นหนังสือแปลที่นำมาแปลและเรียบเรียงโดย รศ.ดร.ศักดา ตาดวง จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ส.ส.ท. พอพลิกปกด้านหลังก็เป็นคลายๆสารบัญที่ไม่ได้บอกเลขหน้า ประมาณว่าเอาหัวข้อมาบอกเกริ่นๆ ซึ่งแต่ละหัวข้อก็เล่นคได้น่าอ่าน ไม่ได้เป็นหัวข้อที่ทื่อๆ เป็นวิชาการ เช่น หัวข้อโพแทสเซียมไซยาไนต์ สารพิษอันโด่งดังจากคดีฆาตกรรม, เห็ดพิษ ปลาปักเป้า ตัวอย่างสารพิษจากธรรมชาติ, และที่ใกล้ๆตัวเรามากที่สุดก็สารก่อมะเร็งในอาหารลาราเซตามอลไม่ปลอดภัยเสมอไป และพอเปิดเข้าไปสารบัญมันก็อะเมซิ่งกว่าหลังปกคือ หัวข้อเยอะมากๆ แล้วแต่ละหัวข้อก็ใกล้ๆตัวเราทั้งนั้น ในหนังสือเล่มนี้จะแบ่งออกเป็นแปดบท เช่นสารอันตรายในบ้าน, สารอันตรายในอาหารและเครื่องปรุงแต่งอาหาร,สารอันตรายจากเครื่องเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง ซึ่งหัวข้อนี้สำคัญสำหรับเราที่เป็นลูกผู้หญิงคนหนึ่งเลย เพราะถ้าไม่เจอพวกเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารพิษที่อันตรายต่อผิวหน้าแล้ว การรักษาก็ยิ่งยากและแพงตามๆกันไป รู้สึกยิ่งอ่านยิ่งทำให้ระวังเรื่องการกินและการใช้ชีวิตมากขึ้นเป็นสองเท่าเลยอ่ะ ปกติกระวังอยู่แล้วนะ พอมาอ่านแล้วทำให้ต้องระวังมายิ่งขึ้น ส่วนเรื่องเนื้อหารวมไปถึงคำที่ใช้ในการบรรยาย ค่อนข้างที่จะเป็นทางการมาก ไม่เห็นวาจะเป็นการ์ตูนเลย แถมยังมีพันธะทางเคมีบอกด้วย ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจยากอยู่นะ เพราะมีศัพท์ทางเคมีเยอะอยู่ด้วย แต่ด้วยความที่เป็นหนังสือแนวสารพิษ ก็ต้องเดี่ยวกับสารเคมีอะน่ะ เค้าก็คงต้องบอกถึงรายละเอียดกันยันพันธะเคมีเลย คนอ่านก็ต้องทำความเข้าใจกันสักพักอยู่เหมือนกัน แต่มีเล่มนี้ติดบ้านไว้เป็นคู่มือก็ไม่ได้แย่นะ เพราะถ้าอ่านเข้าใจก็มีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตมากอยู่ทีเดียว

เดียวนี้โลกเรามีมลพิษมากขึ้น อากาศที่เราสูดดมกันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ดีซะร้อยเปอร์เซ็น ซึ่งเราก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ได้แต่สูดมันเข้าไปด้วยความไม่เต็มใจ เราได้ไปเจอหนังสือเรื่องสารพิษในชีวิตประจำวันนี้โดยบังเอิญจากห้องสมุด เลยได้ยืมกลับมาอ่านที่หอซะเลย เพราะเราว่าคงได้ประโยชน์มากอยู่การใช้ชีวิตประจำวันสำหรับการอ่านหนังสือเล่มนี้ รูปหน้าปกก็น่ารักมากอ่ะ ที่ชอบที่สุดคือคำเตือน คือ เค้าเขียนว่า “โปรดเก็บใกล้ๆมือเด็ก!!!” เขียนได้เท่ห์ดีอ่ะ แถมยังมีคำว่า (ไม่) ควรอ่านวันละหลายๆครั้ง คำว่าไม่ก็มีเครื่องหมายกากบาทสีแดงทับอยู่ (จิตนาการกันอยู่ละสิ) คือแค่หน้าปกก็ฮาแล้วอ่ะ แถมหนังสือเล่มนี้ยังเป็นฉบับการ์ตูนอีก ยิ่งน่าอ่านเข้าไปใหญ่ ซึ่งหนังสือเรื่องนี้เป็นหนังสือแปลที่นำมาแปลและเรียบเรียงโดย รศ.ดร.ศักดา ตาดวง จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ส.ส.ท. พอพลิกปกด้านหลังก็เป็นคลายๆสารบัญที่ไม่ได้บอกเลขหน้า ประมาณว่าเอาหัวข้อมาบอกเกริ่นๆ ซึ่งแต่ละหัวข้อก็เล่นคได้น่าอ่าน ไม่ได้เป็นหัวข้อที่ทื่อๆ เป็นวิชาการ เช่น หัวข้อโพแทสเซียมไซยาไนต์ สารพิษอันโด่งดังจากคดีฆาตกรรม, เห็ดพิษ ปลาปักเป้า ตัวอย่างสารพิษจากธรรมชาติ, และที่ใกล้ๆตัวเรามากที่สุดก็สารก่อมะเร็งในอาหารลาราเซตามอลไม่ปลอดภัยเสมอไป และพอเปิดเข้าไปสารบัญมันก็อะเมซิ่งกว่าหลังปกคือ หัวข้อเยอะมากๆ แล้วแต่ละหัวข้อก็ใกล้ๆตัวเราทั้งนั้น ในหนังสือเล่มนี้จะแบ่งออกเป็นแปดบท เช่นสารอันตรายในบ้าน, สารอันตรายในอาหารและเครื่องปรุงแต่งอาหาร,สารอันตรายจากเครื่องเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง ซึ่งหัวข้อนี้สำคัญสำหรับเราที่เป็นลูกผู้หญิงคนหนึ่งเลย เพราะถ้าไม่เจอพวกเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารพิษที่อันตรายต่อผิวหน้าแล้ว การรักษาก็ยิ่งยากและแพงตามๆกันไป รู้สึกยิ่งอ่านยิ่งทำให้ระวังเรื่องการกินและการใช้ชีวิตมากขึ้นเป็นสองเท่าเลยอ่ะ ปกติกระวังอยู่แล้วนะ พอมาอ่านแล้วทำให้ต้องระวังมายิ่งขึ้น ส่วนเรื่องเนื้อหารวมไปถึงคำที่ใช้ในการบรรยาย ค่อนข้างที่จะเป็นทางการมาก ไม่เห็นวาจะเป็นการ์ตูนเลย แถมยังมีพันธะทางเคมีบอกด้วย ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจยากอยู่นะ เพราะมีศัพท์ทางเคมีเยอะอยู่ด้วย แต่ด้วยความที่เป็นหนังสือแนวสารพิษ ก็ต้องเดี่ยวกับสารเคมีอะน่ะ เค้าก็คงต้องบอกถึงรายละเอียดกันยันพันธะเคมีเลย คนอ่านก็ต้องทำความเข้าใจกันสักพักอยู่เหมือนกัน แต่มีเล่มนี้ติดบ้านไว้เป็นคู่มือก็ไม่ได้แย่นะ เพราะถ้าอ่านเข้าใจก็มีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตมากอยู่ทีเดียว

ตั้งแต่ที่เราเข้าสู่วัยทำงานนะ กลับมาจากที่ทำงานปกติก็จะทาหารกินเอง ถ้าขยันก็ทำกับข้าวหลายอย่างและก็หุงข้าวเอา แต่เวลาหิวมากๆ ก็อยากจะทำอาหารที่เร่งด่วนไม่ได้พิธีพิถัดเยอะ เลยได้มีโอกาสไปเปิดอ่านหนังสือเรื่องอาหารจานเดียว หน้าปกก็ทำได้น่ารักดีนะ แต่เค้าดันเอาอาหารที่ไม่มีสีสันขึ้น ออกแนวสีคล้ำๆหน่อย แต่มาเด่นตรงหัวข้อ แต่เราว่าถ้าเป็นหนังสือสอนทำอาหารก็น่าจะเน้นรูปอาหารที่สีสันชวนน่ารับประทานขึ้น รูปหน้าปกติถ่ายมุมไม่ค่อยชวนน่ารับประทานเท่าไร แต่ก็อาจจะเป็นเพราะสีของอาหารี้แหละที่มันไม่ชวนสะดุดตา แต่มีเหมือนตราหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นอร่อยง่ายทำได้จริงนี้แหละที่อยากจะทำให้ลองเปิดอ่านดู พอพลิกหลังปกก็มีอยู่ห้าหัวข้อที่เค้าการันตีคือ อ่านเข้าใจง่าย ทุกสูตรอร่อยชัวร์ทำได้จริง ทำง่ายทำได้จริง รสเด็ดถูกปากคนไทย มีภาพประกอบการทำอาหาร คำว่ามีภาพประกอบการทำอาหารนี้แหละ สะกิดใจสุดๆ อยากรู้ว่าเป็นยังไง พอเปิดเข้าไปก็ทำให้ทราบว่าอาหารทุกเมนูมีรูปของวิธีทำต่างๆแต่ละวิธีประกอบกับคำอธิบายเป็นข้อๆ ถึงรูปจะไม่ละเอียดทุกขั้นตอน แต่เราว่ามันก็ดูแปลกและแตกต่างจากหนังสือสอนทำอาหารเล่มอื่นอยู่บ้างก็ตรงนี้แหละ และแถมยังมีทิปเคล็ดลับในการทำไว้ให้เราด้วยในแต่ละเมนู อันนี้เราว่าโอเคมาก อย่างเช่นเมนูนึงแนะนำน้ำพริกเผายี่ห้อแม่ประนอม พร้อมบอกความแตกต่างของน้ำพริกเผายี่ห้อนี้ที่โดดเด่นเวลาเอามาทำอาหารในเมนูนั้นๆอีก เราว่าโอเคเลย ส่วนวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ก็หาง่ายนะ พวกของคาว กุ้ง ปลาหมึก ไก่ วัตถุดิบก็หาได้ตามท้องตลาดหรือซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำอยู่ หาไม่ยากหรือราคาแพงจนเกิดไป แต่ก็มีวัตถุดิบบางอย่างที่เราว่ามันน่าจะแพงและหายากอยู่นะ เช่น เนื้อเซอร์ลอยน์หรือเนื้อริบอายเนี่ยแค่ชื่อก็หรูเกินไปและ หรืออย่างอโรมาตอ่ะ เราไม่รู้ว่าคืออะไรจริงๆ และอย่างน้ำมันมะกอกย่างเนี่ย เราว่าคนทำจะซื้อได้ก็ต้องมีฐานะระดับหนึ่ง เหมือนประมาณว่าหนังสือสอนทำอาหารเล่มนี้เน้นทำอาหารจานเดียวก็จริง แต่ออกแนวสำหรับคนที่ฐานะหน่อยๆ สำหรับเราๆมนุษย์เงินเดือนธรรมดาเนี่ย ไม่มีทางจะซื้อวัตถุดิบพวกนี้เพื่อทำอาหารแค่ครั้งเดียวได้ เราเลยไม่ได้เอาหนังสือเรื่องนี้มาไว้ครอบครองเป็นของติดครัวเรา แต่ถ้าคนที่มีฐานะหน่อยๆ เราก็แนะนำนะ เพราะอาหารเค้าก็น่ารับประทานอยู่ ทำได้ก็ไม่ยากเกินไป แต่อาจจะต้องพิถีพิถันในการทำหน่อย อย่างต้องหันเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋างี่

ตั้งแต่ที่เราเข้าสู่วัยทำงานนะ กลับมาจากที่ทำงานปกติก็จะทาหารกินเอง ถ้าขยันก็ทำกับข้าวหลายอย่างและก็หุงข้าวเอา แต่เวลาหิวมากๆ ก็อยากจะทำอาหารที่เร่งด่วนไม่ได้พิธีพิถัดเยอะ เลยได้มีโอกาสไปเปิดอ่านหนังสือเรื่องอาหารจานเดียว หน้าปกก็ทำได้น่ารักดีนะ แต่เค้าดันเอาอาหารที่ไม่มีสีสันขึ้น ออกแนวสีคล้ำๆหน่อย แต่มาเด่นตรงหัวข้อ แต่เราว่าถ้าเป็นหนังสือสอนทำอาหารก็น่าจะเน้นรูปอาหารที่สีสันชวนน่ารับประทานขึ้น รูปหน้าปกติถ่ายมุมไม่ค่อยชวนน่ารับประทานเท่าไร แต่ก็อาจจะเป็นเพราะสีของอาหารี้แหละที่มันไม่ชวนสะดุดตา แต่มีเหมือนตราหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นอร่อยง่ายทำได้จริงนี้แหละที่อยากจะทำให้ลองเปิดอ่านดู พอพลิกหลังปกก็มีอยู่ห้าหัวข้อที่เค้าการันตีคือ อ่านเข้าใจง่าย ทุกสูตรอร่อยชัวร์ทำได้จริง ทำง่ายทำได้จริง รสเด็ดถูกปากคนไทย มีภาพประกอบการทำอาหาร คำว่ามีภาพประกอบการทำอาหารนี้แหละ สะกิดใจสุดๆ อยากรู้ว่าเป็นยังไง พอเปิดเข้าไปก็ทำให้ทราบว่าอาหารทุกเมนูมีรูปของวิธีทำต่างๆแต่ละวิธีประกอบกับคำอธิบายเป็นข้อๆ ถึงรูปจะไม่ละเอียดทุกขั้นตอน แต่เราว่ามันก็ดูแปลกและแตกต่างจากหนังสือสอนทำอาหารเล่มอื่นอยู่บ้างก็ตรงนี้แหละ และแถมยังมีทิปเคล็ดลับในการทำไว้ให้เราด้วยในแต่ละเมนู อันนี้เราว่าโอเคมาก อย่างเช่นเมนูนึงแนะนำน้ำพริกเผายี่ห้อแม่ประนอม พร้อมบอกความแตกต่างของน้ำพริกเผายี่ห้อนี้ที่โดดเด่นเวลาเอามาทำอาหารในเมนูนั้นๆอีก เราว่าโอเคเลย ส่วนวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ก็หาง่ายนะ พวกของคาว กุ้ง ปลาหมึก ไก่ วัตถุดิบก็หาได้ตามท้องตลาดหรือซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำอยู่ หาไม่ยากหรือราคาแพงจนเกิดไป แต่ก็มีวัตถุดิบบางอย่างที่เราว่ามันน่าจะแพงและหายากอยู่นะ เช่น เนื้อเซอร์ลอยน์หรือเนื้อริบอายเนี่ยแค่ชื่อก็หรูเกินไปและ หรืออย่างอโรมาตอ่ะ เราไม่รู้ว่าคืออะไรจริงๆ และอย่างน้ำมันมะกอกย่างเนี่ย เราว่าคนทำจะซื้อได้ก็ต้องมีฐานะระดับหนึ่ง เหมือนประมาณว่าหนังสือสอนทำอาหารเล่มนี้เน้นทำอาหารจานเดียวก็จริง แต่ออกแนวสำหรับคนที่ฐานะหน่อยๆ สำหรับเราๆมนุษย์เงินเดือนธรรมดาเนี่ย ไม่มีทางจะซื้อวัตถุดิบพวกนี้เพื่อทำอาหารแค่ครั้งเดียวได้ เราเลยไม่ได้เอาหนังสือเรื่องนี้มาไว้ครอบครองเป็นของติดครัวเรา แต่ถ้าคนที่มีฐานะหน่อยๆ เราก็แนะนำนะ เพราะอาหารเค้าก็น่ารับประทานอยู่ ทำได้ก็ไม่ยากเกินไป แต่อาจจะต้องพิถีพิถันในการทำหน่อย อย่างต้องหันเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋างี่

สังคมไทยสมัยนี้นิยมอยู่คอนโดหรือตึก หอ มากขึ้น จนทำให้เราเริ่มที่จะห่างไกลจากธรรมชาติออกไปเรื่อยๆ ถ้าอยู่บ้านก็ยังจะมีพื้นที่มากพอที่จะปลูกต้นไม่สวน และทำได้ง่ายและสะดวกกว่าการที่ที่พักอาศัยของเราเป็นคอนโดหรือตึกที่มีแต่ปูนไม่ได้มีพื่อนที่ที่เป็นดินสำหรับทำสวนปลูกต้นไม้ หนังสือเรื่องมือใหม่จัดสวนระเบียงและดาดฟ้า (Easy Terrace & Rooftop Gardens) เป็นทางออกและตัวช่วยที่ดีสำหรับคนเมืองอย่างเรา เพราะตอนนี้ราอยู่หอ และปกติก็เป็นคนที่ชอบธรรมชาติอยู่แล้ว มองระเบียงออกไปทางไหนก็มีแต่ตึกปูน ระเบียงหันหน้าชนกัน มองแต่ปูนมองแต่หน้าคนฝั่งตรงข้ามแล้วมันไม่ค่อยสบายตาเท่าไร เลยได้หนังสือเรื่องมือใหม่จัดสวนระเบียงดาดฟ้านี้มาเป็นคู่มือที่ดีของเราเลย เล่มนี้ได้บอกข้อมลรายละเอียดพร้อมทั้งตอบข้อสงสัยข้องใจของเราไปในตัวด้วย ทำให้เราสามารถจัดส่วนได้เหมาะกับพื้นที่และเกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน ต่อไปนี้เวลามองระเบียงก็สบายตาแล้ว ซึ่งเล่มนี้จะบอกเราตั้งแต่การออกแบบเลย และตรงท้ายเล่มยังมีแบบฝึกหัดให้เราลองวางดูด้วยนะ ทำให้เราสามารถปฏิบัติได้ง่ายขึ้นจากการวางแผนวางแบบลวงหน้า และยังบอกขั้นตอนที่เข้าใจง่ายอีกด้วย และก่อนออกแบบยังมีให้เราถามความต้องการของตัวเองด้วยอีก ที่ไม่หมือนหนังสือเล่มอื่นก็ตรงนี้แหละ เพราะถ้าเรารู้ว่าเราต้องการแบบไหน เราก็จะออกแบบได้ง่ายขึ้นและตรงตามความพอใจของเรา ซึ่งหนังสือบางเมจะบอกวิธีขั้นตอนต่างๆเลย ไม่ได้บอกให้เราถามความต้องการของตัวเราก่อน นอกจากนี้ในหนังสือมือใหม่จัดสวนระเบียงและดาดฟ้ายังบอกและอธิบายแนะนำพรรณไม้ต่างอีก ทำให้เรารู้จักพรรณไม้มากขึ้นและรู้จักที่จะเลือกพรรณไม้ที่ราของ และรู้ว่าแต่ละพรรณรูปร่างลักษณะเป็นแบบไหน ลักษณะสำคัญเป็นยังไง และยังบอกวัสดุที่ใช้สำหรับตกแต่งอีก หนังสือเล่มนี้แนะนำได้ดีเลย นอกจากเราจะจัดระเบียงหอแล้ว เราจะไปจัดดาดฟ้าบ้านยายด้วย ได้คู่มือแล้วก็สบายใจ ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากและหมดปัญหาคิดไม่ออก เลือกพรรณไม้ไม่ถูก แค่เปิดหนังสือเล่มนี้ก็หมดกังวลเลย รูปในหนังสือก็สวยมากนะ แต่ละสวนสวยๆทั้งนั้น จัดได้เหมาะสมกับพื้นที่มาก เป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียวแหละ ซึ่งราคาของหนังสือก็ไม่เท่าไรแต่ก็ไม่ถูก เพราะเป็นหนังสือเล่มเล็กๆยาวๆ จับได้ถนัดมือ ราคาร้อยกว่า ก็เหมาะกะภาพสีอยู่แหละ ก็ถ้าใครสนใจทำสวนระเบียงหรือดาดฟ้า หนังสือเล่มนี้ก็น่าจะเป็นตัวช่วยคุณได้บ้างอยู่เหมือนกันนะ

สังคมไทยสมัยนี้นิยมอยู่คอนโดหรือตึก หอ มากขึ้น จนทำให้เราเริ่มที่จะห่างไกลจากธรรมชาติออกไปเรื่อยๆ ถ้าอยู่บ้านก็ยังจะมีพื้นที่มากพอที่จะปลูกต้นไม่สวน และทำได้ง่ายและสะดวกกว่าการที่ที่พักอาศัยของเราเป็นคอนโดหรือตึกที่มีแต่ปูนไม่ได้มีพื่อนที่ที่เป็นดินสำหรับทำสวนปลูกต้นไม้ หนังสือเรื่องมือใหม่จัดสวนระเบียงและดาดฟ้า (Easy Terrace & Rooftop Gardens) เป็นทางออกและตัวช่วยที่ดีสำหรับคนเมืองอย่างเรา เพราะตอนนี้ราอยู่หอ และปกติก็เป็นคนที่ชอบธรรมชาติอยู่แล้ว มองระเบียงออกไปทางไหนก็มีแต่ตึกปูน ระเบียงหันหน้าชนกัน มองแต่ปูนมองแต่หน้าคนฝั่งตรงข้ามแล้วมันไม่ค่อยสบายตาเท่าไร เลยได้หนังสือเรื่องมือใหม่จัดสวนระเบียงดาดฟ้านี้มาเป็นคู่มือที่ดีของเราเลย เล่มนี้ได้บอกข้อมลรายละเอียดพร้อมทั้งตอบข้อสงสัยข้องใจของเราไปในตัวด้วย ทำให้เราสามารถจัดส่วนได้เหมาะกับพื้นที่และเกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน ต่อไปนี้เวลามองระเบียงก็สบายตาแล้ว ซึ่งเล่มนี้จะบอกเราตั้งแต่การออกแบบเลย และตรงท้ายเล่มยังมีแบบฝึกหัดให้เราลองวางดูด้วยนะ ทำให้เราสามารถปฏิบัติได้ง่ายขึ้นจากการวางแผนวางแบบลวงหน้า และยังบอกขั้นตอนที่เข้าใจง่ายอีกด้วย และก่อนออกแบบยังมีให้เราถามความต้องการของตัวเองด้วยอีก ที่ไม่หมือนหนังสือเล่มอื่นก็ตรงนี้แหละ เพราะถ้าเรารู้ว่าเราต้องการแบบไหน เราก็จะออกแบบได้ง่ายขึ้นและตรงตามความพอใจของเรา ซึ่งหนังสือบางเมจะบอกวิธีขั้นตอนต่างๆเลย ไม่ได้บอกให้เราถามความต้องการของตัวเราก่อน นอกจากนี้ในหนังสือมือใหม่จัดสวนระเบียงและดาดฟ้ายังบอกและอธิบายแนะนำพรรณไม้ต่างอีก ทำให้เรารู้จักพรรณไม้มากขึ้นและรู้จักที่จะเลือกพรรณไม้ที่ราของ และรู้ว่าแต่ละพรรณรูปร่างลักษณะเป็นแบบไหน ลักษณะสำคัญเป็นยังไง และยังบอกวัสดุที่ใช้สำหรับตกแต่งอีก หนังสือเล่มนี้แนะนำได้ดีเลย นอกจากเราจะจัดระเบียงหอแล้ว เราจะไปจัดดาดฟ้าบ้านยายด้วย ได้คู่มือแล้วก็สบายใจ ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากและหมดปัญหาคิดไม่ออก เลือกพรรณไม้ไม่ถูก แค่เปิดหนังสือเล่มนี้ก็หมดกังวลเลย รูปในหนังสือก็สวยมากนะ แต่ละสวนสวยๆทั้งนั้น จัดได้เหมาะสมกับพื้นที่มาก เป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียวแหละ ซึ่งราคาของหนังสือก็ไม่เท่าไรแต่ก็ไม่ถูก เพราะเป็นหนังสือเล่มเล็กๆยาวๆ จับได้ถนัดมือ ราคาร้อยกว่า ก็เหมาะกะภาพสีอยู่แหละ ก็ถ้าใครสนใจทำสวนระเบียงหรือดาดฟ้า หนังสือเล่มนี้ก็น่าจะเป็นตัวช่วยคุณได้บ้างอยู่เหมือนกันนะ

ปกติเราทำน้ำพริกไม่เป็นเลย ทำทีไรก็ไม่อร่อยสักครั้ง เลยไปเดินหาตามร้านขายหนังสือทั่วไป แล้วก็ไปเจอกับหนังสือเรื่องเมนูน้ำพริกนี้เข้า โดนใจอย่างจัง ชอบมากเลยหยิบติดมือกลับบ้านมาติดเป็นของงคู่ครัว ฮาๆ แค่หน้าปกเห็นแล้วก็ข่วนน่ารักประทานแล้วอ่ะ เปิดมาหน้าแรกก็ถูกใจที่สุดเลย ชอบหน้านี้มาก หน้าของสารบัญนี้แหละ ปกติหนังสือที่เราอ่านๆกันทั่วไปๆ สารบัญที่เค้าทำกันก็เป็นแค่ชื่อหัวข้อและก็หน้าใช่ม่ะ แต่นี้เป็นรูปเลย โดยการเอารูปมาเรียงต่อๆกัน แล้งก็มีชื่อกับหน้ากำกับใต้ภาพ คือเราไม่ต้องจินตนาการเองเวลาเปิดสารบัญเลย ว่ารู้ร่างหน้าตาอาหารที่เราอยากทำเป็นยังไง แต่นี้ดูรูปๆ แล้วก็เปิดตามได้สบายเลย แถมแต่ละรูปก็สวยด้วย ถ่ายแบบน่ากินสุด แถมราคาหนังสือก็ถูกมากด้วยสำหรับคุณภาพอ่ะ ชอบสุดๆเลย ส่วนเมนูนี้แต่ละเมนูก็น่ากินทั้งนั้น สำหรับเราที่ว่าแปลกที่สุดก็น้ำพริกกล้วยดิบนี้แหละ เราคนกรุงเทพเลยว่าแปลก แต่ไม่รู้คนต่างจังหวัดจะแปลกเหมือนเรารึป่าว ฮาๆ ชอบตรงที่ค้าใช่กล้วยน้ำว้าดิบ เพราะปกติบานเราจะได้กล้วยน้ำว้าจากที่ทำงานพ่อมาประจำ แล้วกินไม่ทัน บางอาทิตย์นี้ได้สาหวีเลยก็มี เมนูนี้แหละเป็นเมนูประจำบ้านราแน่ๆ ส่วนผสมก็หาได้ง่ายมาก แค่กล้วยน้ำว้าดิบห้าผล กุ้งแห้งป่น พริกขี้หนูสวน (อันนี้เราว่าใส่ตามความชอบเลยจะดีกว่า เพราะตามสูตรของหนังสือนี้เค้าให้ใส่ตั้งเจ็ดถึงเกาเลยแหละ เราไม่กินเผ็ดอ่ะ ขอหนึ่งพอ ฮาๆ) และก็กระเทียมกลีบเล็ก น้ำตาลปี๊ป น้ำปลา น้ำมะนาว เห็นม่ะ วัตถุดิบแต่ะอย่างหาง่ายมาก เราว่าตามครัวทุกคนต้องมีอยู่แล้วแหละ แค่ขาดกล้วยแค่นั้นเอง แล้วที่ดูจากรูปนะ สีสันน่ากินมากอ่ะ เดี๋ยวถ้ายังไงไปลองทำแล้วจะมารีวิวอีกที เพราะตอนนี้ยังไม่ได้กล้วยน้ำว้าดิบเลย และที่สำคัญเค้าแนะนำให้กินกับกุ้งแม่น้ำย่างสดแหละ สงสัยต้องไปหากุ้งให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำน้ำพริกซะและ แต่เมนูที่เราทำแล้วก็หล่นเต้าหู้นี้แหละ เราชอบกินหลนมาก เคยมีโอกาสไปซื้อหลนมากิน แต่จำไมได้ว่าหลนอะไร แลวติดใจมาก แต่ราคานั้นแสนแง ทีนี้แหละเรามีคู้มือเด็ดและ พอลองทำแล้วก็อร่อย แต่เราหารจากสูตรของหนังสือครึ่งนึงทุกอย่างนะ กลัวเยอะเกินไปกินไม่หมด ทำออกมาก็ใช้ไดที่เดียว อร่อยอยู่ กินกับผักลวงนี้ฟินสุดๆ หลนนี้ละลายในปากเลย ชอบมาก เดี๋ยวเมนูต่อไปเราจะองทำน้ำพริกเผากุ้งดู คงหวานๆอร่อยๆแน่เลยละ ยังไงก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้สำหรับผู้ที่สนใจทำน้ำพริกนะ เราว่าถ้าทำชำนาญแล้ว ทำขายได้สบายเลยแหละ

ปกติเราทำน้ำพริกไม่เป็นเลย ทำทีไรก็ไม่อร่อยสักครั้ง เลยไปเดินหาตามร้านขายหนังสือทั่วไป แล้วก็ไปเจอกับหนังสือเรื่องเมนูน้ำพริกนี้เข้า โดนใจอย่างจัง ชอบมากเลยหยิบติดมือกลับบ้านมาติดเป็นของงคู่ครัว ฮาๆ แค่หน้าปกเห็นแล้วก็ข่วนน่ารักประทานแล้วอ่ะ เปิดมาหน้าแรกก็ถูกใจที่สุดเลย ชอบหน้านี้มาก หน้าของสารบัญนี้แหละ ปกติหนังสือที่เราอ่านๆกันทั่วไปๆ สารบัญที่เค้าทำกันก็เป็นแค่ชื่อหัวข้อและก็หน้าใช่ม่ะ แต่นี้เป็นรูปเลย โดยการเอารูปมาเรียงต่อๆกัน แล้งก็มีชื่อกับหน้ากำกับใต้ภาพ คือเราไม่ต้องจินตนาการเองเวลาเปิดสารบัญเลย ว่ารู้ร่างหน้าตาอาหารที่เราอยากทำเป็นยังไง แต่นี้ดูรูปๆ แล้วก็เปิดตามได้สบายเลย แถมแต่ละรูปก็สวยด้วย ถ่ายแบบน่ากินสุด แถมราคาหนังสือก็ถูกมากด้วยสำหรับคุณภาพอ่ะ ชอบสุดๆเลย ส่วนเมนูนี้แต่ละเมนูก็น่ากินทั้งนั้น สำหรับเราที่ว่าแปลกที่สุดก็น้ำพริกกล้วยดิบนี้แหละ เราคนกรุงเทพเลยว่าแปลก แต่ไม่รู้คนต่างจังหวัดจะแปลกเหมือนเรารึป่าว ฮาๆ ชอบตรงที่ค้าใช่กล้วยน้ำว้าดิบ เพราะปกติบานเราจะได้กล้วยน้ำว้าจากที่ทำงานพ่อมาประจำ แล้วกินไม่ทัน บางอาทิตย์นี้ได้สาหวีเลยก็มี เมนูนี้แหละเป็นเมนูประจำบ้านราแน่ๆ ส่วนผสมก็หาได้ง่ายมาก แค่กล้วยน้ำว้าดิบห้าผล กุ้งแห้งป่น พริกขี้หนูสวน (อันนี้เราว่าใส่ตามความชอบเลยจะดีกว่า เพราะตามสูตรของหนังสือนี้เค้าให้ใส่ตั้งเจ็ดถึงเกาเลยแหละ เราไม่กินเผ็ดอ่ะ ขอหนึ่งพอ ฮาๆ) และก็กระเทียมกลีบเล็ก น้ำตาลปี๊ป น้ำปลา น้ำมะนาว เห็นม่ะ วัตถุดิบแต่ะอย่างหาง่ายมาก เราว่าตามครัวทุกคนต้องมีอยู่แล้วแหละ แค่ขาดกล้วยแค่นั้นเอง แล้วที่ดูจากรูปนะ สีสันน่ากินมากอ่ะ เดี๋ยวถ้ายังไงไปลองทำแล้วจะมารีวิวอีกที เพราะตอนนี้ยังไม่ได้กล้วยน้ำว้าดิบเลย และที่สำคัญเค้าแนะนำให้กินกับกุ้งแม่น้ำย่างสดแหละ สงสัยต้องไปหากุ้งให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำน้ำพริกซะและ แต่เมนูที่เราทำแล้วก็หล่นเต้าหู้นี้แหละ เราชอบกินหลนมาก เคยมีโอกาสไปซื้อหลนมากิน แต่จำไมได้ว่าหลนอะไร แลวติดใจมาก แต่ราคานั้นแสนแง ทีนี้แหละเรามีคู้มือเด็ดและ พอลองทำแล้วก็อร่อย แต่เราหารจากสูตรของหนังสือครึ่งนึงทุกอย่างนะ กลัวเยอะเกินไปกินไม่หมด ทำออกมาก็ใช้ไดที่เดียว อร่อยอยู่ กินกับผักลวงนี้ฟินสุดๆ หลนนี้ละลายในปากเลย ชอบมาก เดี๋ยวเมนูต่อไปเราจะองทำน้ำพริกเผากุ้งดู คงหวานๆอร่อยๆแน่เลยละ ยังไงก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้สำหรับผู้ที่สนใจทำน้ำพริกนะ เราว่าถ้าทำชำนาญแล้ว ทำขายได้สบายเลยแหละ